** บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกรอบสัปดาห์นี้ (5-9 พ.ค. 68).....โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำเนื่องจากตลาดคาดกลุ่มโอเปกพลัสอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในการประชุมถึงแม้ทรัมป์เรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านสถานการณ์รัสเซียและยูเครนยังตึงเครียดหลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้เสนอแผนสันติภาพที่ชัดเจน ขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอน แม้ล่าสุดจีนมีท่าทีผ่อนปรนด้วยการเตรียมยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการ....ไทยออยล์....คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…** สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง.... ได้ลงนามประกาศ “การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุน อัตราเงินชดเชย อัตราเงินคืนจากกองทุน และอัตราเงินชดเชยคืนกองทุนสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)” โดยกำหนดเปลี่ยนแปลงเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในบัญชี LPG ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2568 เป็นต้นไป…สำหรับประกาศดังกล่าวได้กำหนดให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ส่งเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ LPG ที่ผลิตในประเทศเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิง ในอัตรา 6.1630 บาทต่อกิโลกรัม โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 5.9754 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ไม่รวมถึง LPG ที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซฯของ บริษัท ปตท. สผ. สยาม จำกัด อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร และ LPG ที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) อ.กงไกรลาศ จ. สุโขทัย…บริษัท ยูเอซี โกลบอลฯ ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ในอัตรา 4.6149 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้ส่งเข้า 4.4273 บาทต่อกิโลกรัม…พร้อมกันนี้ได้ปรับเงินชดเชยราคา LPG เพิ่มขึ้นเป็น 2.3348 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมชดเชยอยู่ 2.1472 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ไม่รวม LPG จากการแยกก๊าซฯ ที่ซื้อหรือได้จากรัฐ ผู้รับสัมปทาน หรือผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) โดยโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ปตท. สผ.สยาม จำกัด โดยราคาขายปลีก LPG ยังคงเท่าเดิมที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ถึง 30 มิ.ย. 2568 หลังจากนั้นต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาต่อไป…รวมทั้งกำหนดเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับ LPG ที่ซื้อหรือได้มาจากโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ปตท. สผ. สยาม จำกัด ในอัตรา 4.6671 บาทต่อกิโลกรัม (เท่าเดิม)…ส่วนกรณี LPG ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปต่างประเทศ ตาม พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 และได้รับเงินชดเชยจากกองทุนฯ แล้ว ให้ส่งเงินชดเชยคืนกองทุนฯ 2.3348 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้ส่งเข้า 2.1472 บาทต่อกิโลกรัม…ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บัญชี LPG โดยภาพรวมยังติดลบอยู่ -45,365 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดกรอบวงเงินสำหรับอุดหนุนราคา LPG ไว้ได้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ปัจจุบันกองทุนฯ มีเงินไหลเข้าจาก LPG ลดลงเหลือ 19 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 570 ล้านบาทต่อเดือน) จากเดิมมีรายได้เข้า 20 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 600 ล้านบาทต่อเดือน) ขณะที่ราคา LPG โลกเดือน เม.ย. 2568 อยู่ที่ระดับประมาณ 617 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน....
** กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ก.พลังงาน....ได้ออกคำสั่งเปิดรับฟังความเห็น (ร่าง) ประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเรื่อง “กำหนดมาตรการการจัดการของเสียจากสถานประกอบกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. 2568”…ทั้งนี้เนื่องจากกฎกระทรวง “กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำรวจ ผลิตและอนุรักษ์ปิโตรเลียม พ.ศ. 2555” กำหนดให้ผู้รับสัมปทานใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อควบคุมการจัดการของเสีย สิ่งปฏิกูล วัสดุหรือสารเคมีที่ไม่ใช้แล้วจากสถานประกอบกิจการปิโตรเลียม ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม...กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจึงได้ออกประกาศดังกล่าวและเปิดรับฟังความเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องขึ้นมา โดยจะเปิดรับฟังความเห็นไปจนถึงวันที่ 23 พ.ค. 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ…โดยสาระสำคัญของร่างประกาศดังกล่าวระบุว่า ผู้รับสัมปทานต้องจัดทำ “แผนการจัดการของเสีย” ส่งให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนดำเนินการจัดการของเสีย เพื่อขออนุมัติจากอธิบดีฯ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วจึงจะสามารถเริ่มดำเนินการได้…สำหรับแผนการจัดการของเสีย ประกอบด้วย การจัดการของเสียตามลำดับขั้นในการจัดการของเสีย, รายการและปริมาณของเสีย, วิธีการจัดการของเสีย,สถานที่เก็บของเสีย, มาตรการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงแผนตอบสนองในกรณีเกิดการหกรั่วไหลหรือเกิดภาวะฉุกเฉิน เป็นต้น โดยหากอธิบดีฯ เห็นว่าแผนฯ ยังไม่ละเอียดถูกต้องเพียงพอ อาจสั่งให้ผู้รับสัมปทานแก้ไขเพิ่มเติมได้ โดยให้เวลา 50 วัน ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จากแผนฯ ที่เสนอไปแล้วนั้น จะต้องแจ้งรายละเอียดและเหตุผลเป็นหนังสือส่งให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อขออนุมัติจากอธิบดีฯ ก่อนจึงจะดำเนินการได้ แต่หากเกิดกรณีฉุกเฉิน ให้ผู้รับสัมปทานดำเนินการแตกต่างจากที่ระบุในแผนฯ ได้เท่าที่จำเป็นไปก่อน แต่ต้องแจ้งกรมเชื้อเพลิงฯ ทราบภายใน 24 ชั่วโมง และให้รายงานรายละเอียดและเหตุผลที่เป็นกรณีฉุกเฉินให้กรมเชื้อเพลิงฯ ทราบภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่เกิดเหตุ และหากเกิดความเสียหายจากการดำเนินการนั้น ผู้รับสัมปทานมีหน้าที่รับผิดชอบและมีภาระความรับผิดด้วย…นอกจากนี้ผู้รับสัมปทานต้องรายงานการจัดการของเสียรายเดือนส่งให้กรมเชื้อเพลิงฯ ผ่านทางโปรแกรมประยุกต์ของกรมเชื้อเพลิงฯ ภายใน 45 วัน หลังสิ้นสุดเดือนที่ดำเนินการ โดยต้องมีข้อมูลเบื้องต้น ได้แก่ ชื่อโครงการ แหล่ง ชื่อบริษัท แปลงสำรวจ เลขที่สัมปทาน, บัญชีรายการของเสีย, การจัดการของเสีย, สรุปรายการของเสียที่เป็นอันตรายที่ส่งไปบำบัดหรือกำจัดนอกสถานประกอบการปิโตรเลียม รวมทั้งชื่อผู้จัดทำรายงานและผู้ควบคุมดูแลการจัดการของเสีย…พร้อมกันนี้ผู้รับสัมปทานต้องจัดทำรายงานสรุปการจัดการของเสียรายปีส่งให้กรมเชื้อเพลิงฯ ภายในเดือน มี.ค. ของปีถัดไป ซึ่งประกอบด้วย สรุปบัญชีรายการของเสียที่เกิดขึ้นแยกตามกิจกรรม, สรุปบัญชีรายการของเสียทั้งหมดที่ส่งไปบำบัดหรือกำจัดในและนอกพื้นที่สถานประกอบกิจการปิโตรเลียม และสรุปบัญชีรายการของเสียอันตรายที่เก็บรักษาเพื่อรอการขนส่งและกำจัด เป็นต้น...โดยประกาศนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วัดถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป…**
** กระบองเพชร**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี