นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมงาน German Business Talk ว่าได้รับเกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษต่อผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตจากประเทศในยุโรปและนักธุรกิจชั้นนำของเยอรมนีกว่า 80 คน ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้เน้นย้ำถึงศักยภาพและความพร้อมของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับเยอรมนี ซึ่งถือเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในสหภาพยุโรป
“ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการลงทุนและการส่งออก ในช่วง 6 เดือนแรกของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร มูลค่าการส่งออกสินค้าเติบโตถึง 12.9% โดยในเดือนมีนาคม 2568 การส่งออกของไทยขยายตัวสูงถึง 17.8% คิดเป็นมูลค่า 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไทย ขณะที่ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในไตรมาสแรก ปี 2568 ก็สูงถึง 431,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% ถือเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของประเทศไทย” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพและความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งพลังงาน จึงมีความพร้อมรองรับการขยายการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่นักธุรกิจเยอรมนีสามารถเข้ามาลงทุนและขยายฐานการผลิตในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม เช่น ยานยนต์ วิศวกรรมเครื่องจักรกล PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) และระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Center) ทั้งนี้ ไทยยินดีอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนเยอรมนีที่ต้องการเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้งแก้ไขปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เข้ามาจัดตั้งธุรกิจแล้ว
นอกจากนี้ นายพิชัยฯ ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ ผ่านการเร่งสร้างพันมิตรรายใหม่ด้วยการเจรจาจัดทำ FTA เช่น FTA ไทย- สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) ที่สรุปผลและลงนามไปเมื่อต้นปีนี้ ส่งผลให้บรรยากาศการส่งออกของไทยไปยังเอฟตาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า
รวมถึง การเจรจา FTA ไทย – อียู ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าในทิศทางบวกและเป็นที่น่าพอใจ โดยทั้งสองฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปีนี้ ทั้งนี้ พลังสนับสนุนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคธุรกิจของเยอรมนีจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ความตกลงการค้าฉบับนี้สามารถสรุปผลได้ตามเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาสและยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-อียู และ ไทย-เยอรมนี ได้ต่อไป
โดยในปี 2567 เยอรมนีถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในสหภาพยุโรป การค้าระหว่างไทย – เยอรมนี มีมูลค่า 10,939.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปเยอรมนี 5,331.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่ไทยนำเข้าจากเยอรมนี 5,607.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี