MK GROUP หรือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดสุกี้ในประเทศไทยที่ครองส่วนแบ่งกว่า 60% จากมูลค่ารวมตลาดกว่า 23,000 – 25,000 ล้านบาท พร้อมตอกย้ำศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเดินหน้าชูกลยุทธ์ Value Strategy ในปี 68 มุ่งเน้นตอบโจทย์ผู้บริโภคและประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค รวมถึงการปรับโมเดลแบรนด์ในเครือ เสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นความสนใจทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ จนสามารถสร้าง engagement ได้อย่างต่อเนื่อง
นางสาวทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอด 39 ปี ที่ทาง MK GROUP ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเติมเต็มความสุขให้ทุกครอบครัว เชื่อมต่อสุขภาพที่ดีให้เข้าถึงได้มากที่สุด รวมถึงการส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งหมดจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งต่อไปในทุกการเปลี่ยนแปลงของ MK GROUP ในปีนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ภาพรวมธุรกิจอาหารในปีนี้จะยังไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยเฉพาะร้านอาหารเชนใหญ่ แต่เราต้องปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ที่ท้าทายยิ่งขึ้น
สำหรับ 3 แนวทางหลัก ภายใต้กลยุทธ์ Value Strategy มีดังนี้1.Value Creation: เน้นสร้างความคุ้มค่าและประสบการณ์ใหม่ ผ่าน Customer Insight 2.Value Relationship: การทำ Segmentation การตลาดที่ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว 3.Value Accessible: เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงความ ‘คุ้มค่า’ และ ‘คุณภาพ’ ของสินค้าและบริการที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น
โดยปัจจัยสำคัญของกลยุทธ์ในปีนี้ของธุรกิจร้านอาหารในเครือ คือ การทำความเข้าใจความต้องการลูกค้าให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อสร้าง Value Creation เพิ่มประสบการณ์รอบด้านที่ตอบโจทย์ลูกค้า อีกทั้งยังมีเรื่องการปรับรูปแบบการสื่อสารที่สนุกสนาน เพื่อสร้าง engagement อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการกระตุ้นยอดขายด้วย Value Promotion ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึก ‘คุ้มค่า’ ที่สุดในการตัดสินใจซื้อ
ด้าน “MK Restaurants” ที่มีแคมเปญ Mongkol (มงคล) ‘มูเก็ตติ้ง’ ช่วงตรุษจีน พร้อมแจกหมี่หยกยาว 99 ซม., หมูมาราธอน กินไม่อั้น 90 นาทีกับ 4 คอนโดหมูขายดี, Duck Lovers กล่องสุ่มน้องเป็ดสุดคิ้วท์ฉลองวาเลนไทน์ และเตรียมออกแคมเปญใหม่อย่างต่อเนื่อง, “Yayoi” ที่พึ่งเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ เจฟ ซาเตอร์ โดยมีการครีเอท 3 เมนูพิเศษร่วมกัน ตอกย้ำคอนเซปต์ ‘ญี่ปุ่นครบเซต’ และเมนูเซตเทโชกุแบบใหม่ ๆ ที่จะออกมาให้เซอร์ไพรส์ตลอดทั้งปี, ยังมี “แหลมเจริญซีฟู้ด” คงคอนเซปต์อาหารซีฟู้ดสไตล์ไทยที่ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว ด้วยโปรโมชั่น Family Set เซ็ตเมนูให้เลือกหลากหลาย เริ่มต้นเพียง 699 บาท, “MK Buffet” เตรียมปรับราคาให้เข้าถึงง่ายขึ้น และเพิ่มเมนูใหม่ เพื่อตอบรับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบการทานบุฟเฟต์ การันตีเมนูที่มีคุณภาพแบบจัดเต็ม, “HIKINIKU TO COME” ร้านแฮมเบิร์กเจ้าดังจากญี่ปุ่น น้องใหม่ล่าสุดในเครือที่ตอบโจทย์ร้านแนว Specialist ด้วยสุดยอดคุณภาพเนื้อ คัดสรรเนื้อมาอย่างดี ทำแบบสดใหม่ ย่างอย่างพิถีพิถัน และเสิร์ฟพร้อมข้าวร้อน ๆ ในราคาที่เข้าถึงได้
ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่กำลังมาแรง นอกจากน้ำจิ้มสุกี้ MK ยังมีชุดสุกี้ลูกชิ้นรวมมิตร, ชุดบะหมี่หยกลูกชิ้นรวมมิตร และล่าสุดกับบะหมี่เกี๊ยวกุ้งซุปสุกี้ CP x MK เพื่อสร้าง Brand Recall ให้กับแบรนด์ MK Restaurants และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ซึ่งการพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้ยังมีแบบต่อเนื่อง โดยเตรียมออกเมนูน้ำจิ้มรสชาติใหม่ที่ต้องติดตามอัพเดตกันภายในปีนี้อีกด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะตอกย้ำด้านการสร้าง Value Relationship อย่างแข็งแรงคือ การทำ Segmentation การตลาดที่ศึกษาและแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์และวางแผนการตลาดให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Data Personalization) เริ่มจาก Group Member ครั้งแรกกับการเชื่อมต่อทุกแบรนด์ในเครือไว้ในที่เดียว ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ CEM (Customer Experience Management) เพื่อให้ตลอด Customer Journey สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดและสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด และแบรนด์ยังรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว โดยได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายและคุ้มค่ามากขึ้น (เตรียมเปิดตัวภายใน Q3) รวมถึง Tourist Adaptation ที่จะปรับกลยุทธ์การตลาดและแบรนด์ให้สอดคล้องกับกลุ่มนักท่องเที่ยว เพื่อปรับสินค้าให้เหมาะสม และยังต้องทำความเข้าใจในวัฒนธรรม เพื่อการสื่อสารอย่างตรงจุด และส่วนของ Local Store Marketing ที่ต้องเข้าถึงลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ด้วยการสำรวจพฤติกรรมและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทำเลนั้น ๆ โดยจะมีการนำข้อมูลมาพัฒนาสินค้า ครีเอทโปรโมชั่น และปรับเมนูให้เข้าถึงมากขึ้น
นายธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าในปี 2568 นี้จะเป็นปีที่สร้างความท้าทายของทาง MK GROUP ทั้งเรื่องของการแข่งขันและสภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการสร้างความพร้อมและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเครือเราในทุกด้านเป็นสิ่งสำคัญ โดยเราก็มีการวางแผนขยายสาขา การพัฒนาระบบการจัดการหลังบ้าน รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้าง Value Accessible ให้มากขึ้น และเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญให้ธุรกิจสามารถเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืนได้
โดยปัจจุบัน MK GROUP มีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 13 แบรนด์ รวม 723 สาขา ทั้งในประเทศและแฟรนไชส์ต่างประเทศ คือ MK Restaurants, MK Live, MK Gold, YAYOI, แหลมเจริญ ซีฟู้ด, HIKINIKU TO COME, HAKATA Ramen, MIYAZAKI, เลอ สยาม, ณ สยาม, BIZZY BOX (Grab&go), LE PETIT, Multi Brand และสาขาแฟรนไชส์ MK Restaurants สาขาประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว, สาขาแฟรนไชส์ แหลมเจริญ ซีฟู้ด สาขาประเทศมาเลเซีย, MIYAZAKI สาขาประเทศลาวต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ด้วยแผนจะมีขยายสาขาในประเทศ เพิ่มอีก 15 สาขา แบ่งเป็น MK Restaurants 5 สาขา, Yayoi 3 สาขา, แหลมเจริญ 5 สาขา และ HIKINIKU TO COME 2 สาขา
ในส่วนของการขยายแฟรนไชส์ต่างประเทศคือ แหลมเจริญ มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาที่ประเทศมาเลเซีย อีกทั้งยังมองหาผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาร่วมทุน (Master Franchise) เพื่อช่วยขยายธุรกิจร้านอาหารให้มากขึ้น โดยตลาดที่ยังคงให้ความสนใจคือ South East Asia เป็นหลัก
นอกจากนี้ยังมีแผนปรับโมเดลธุรกิจใหม่ โดยจะมี Store Conversion จาก MK Restaurants ปรับเป็นโมเดลรูปแบบบุฟเฟต์แทน (MK Buffet) และ แหลมเจริญ เตรียมปรับโมเดลให้ทันสมัยและเข้าถึงการทานอาหารทะเลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วนธุรกิจค้าปลีก นอกจากเรื่องพัฒนาสินค้าแล้ว ยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า จากร้านสะดวกซื้อไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้ความสำคัญเรื่องระบบจัดการหลังบ้าน โดยการใช้ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าลด Food Waste หลีกเลี่ยงการสต็อกสินค้าที่มากเกินไปจำเป็น และยังช่วยควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี
อีกธุรกิจที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ M-SENKO ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่ให้บริการคลังสินค้าและขนส่งสินค้าแช่เย็น แช่แข็ง ทั้งนี้ได้มีแผนการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ โดยจะมีการเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าตามหัวเมืองหลัก เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการส่งสินค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนกับคู่แข่งอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มการให้บริการ Importer นำเข้าวัตถุดิบ และ Forwarding ตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายและช่วยลดความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ให้กับผู้ส่งออกและผู้นำเข้าด้วย
นางสาวทานตะวัน ธีระโกเมน กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนธุรกิจใหม่ ทาง MK GROUP ยังคงมองหาบริษัทและสินทรัพย์ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักและแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเข้ามาเติม Portfolio ให้แข็งแกร่งมากขึ้น
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี