เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2568 โต 3.1% YoY โดยเร่งตัวจากการส่งออกก่อนภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมีผล ในขณะที่ภาคการผลิต การบริโภค และท่องเที่ยวชะลอลง
-GDP ที่โต 3.1% YoY และ 0.7% QoQ เนื่องจากดุลการค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ประกอบกับการลงทุนภาครัฐที่เร่งขึ้นอย่างมากจากฐานที่ต่ำในช่วงไตรมาส 1/2567
-อย่างไรก็ดี สินค้าคงคลังและการลงทุนภาคเอกชนยังเป็นแรงฉุดเศรษฐกิจ โดยการส่งออกที่ขยายตัวในระดับสูงไม่ได้ส่งผ่านมายังภาคการผลิตไทย เนื่องจากการส่งออกสินค้าส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้ามาเพื่อสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดไทยเพื่อประโยชน์ทางการค้า ประกอบกับผู้ประกอบการมีการลดปริมาณสินค้าคงคลังแทนการผลิตเพิ่มและชะลอการตัดสินใจลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอุปสงค์ในระยะข้างหน้า ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน
-ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนและรายได้ภาคการท่องเที่ยวชะลอลง โดยแม้ในไตรมาส 1/2568 ภาครัฐมีการออกมาตรการกระตุ้นทั้งมาตรการแจกเงินสดแก่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป (ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2) รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt 2.0) แต่ประสิทธิผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้นไม่สูงอย่างที่ภาครัฐคาดไว้ ท่ามกลางกำลังซื้อที่อยู่ในระดับต่ำและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ในด้านการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยในไตรมาส 1/2568 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงอย่างมากที่ 1.91% YoY โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าตั้งแต่เดือนก.พ. 2568
ทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้สหรัฐฯ จะเริ่มมีข้อตกลงทางการค้าออกมา โดยเฉพาะกับจีน แต่การบรรลุข้อตกลงกับไทยยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ในขณะที่แรงส่งจากท่องเที่ยวในปีนี้คาดว่าจะติดลบ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ไว้ที่ 1.4%
-เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในไตรมาส 2/2568 แม้สหรัฐฯ จะระงับการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ไป 90 วัน ไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. เนื่องจากมีการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีไปค่อนข้างมากแล้วในไตรมาส 1/2568 ส่งผลให้ระดับสินค้าคงคลังในสหรัฐฯ อยู่ในระดับค่อนข้างสูง ขณะที่ในไตรมาส 2/2568 สหรัฐฯ เริ่มมีการเรียกเก็บภาษีพื้นฐาน (Baseline Tariffs) ที่ 10% ดังนั้น คาดว่าการส่งออกไทยในไตรมาส 2/2568 จะยังคงรักษาการขยายตัวเป็นบวกได้ แต่ในอัตราที่ชะลอลงอย่างมาก
-การบรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่จะปรับลดภาษีตอบโต้กับจีนมาอยู่ที่ 30% เป็นระยะเวลา 90 วัน คาดว่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด เนื่องจากอัตราภาษีปัจจุบันที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากจีนอยู่ที่ 51% (หากนับรวมอัตราภาษีที่เรียกเก็บตั้งแต่สมัยทรัมป์ 1.0) ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงกว่าคู่ค้าสหรัฐฯ รายอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่หลังจากสิ้นสุด 90 วัน ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่สูง โดยข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ให้จีนให้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศอาจไม่สามารถทำได้โดยง่าย ดังนั้น โอกาสที่ความตึงเครียดทางการค้าจะยกระดับขึ้นยังคงมีอยู่
-ผลการเจรจาของสหรัฐฯ กับไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้สหรัฐฯ จะมีการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับสหราชอาณาจักรและจีน รวมถึงเริ่มมีการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ขณะที่ไทยมีความคืบหน้าในการส่งข้อเสนอไปยังผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ส่งผลให้ไทยเผชิญความเสี่ยงที่การเจรจาอาจล่าช้าออกไป ซึ่งหากไทยเผชิญอัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกไทยหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
-การท่องเที่ยวที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะหดตัวในปี 2568 จากความท้าทายจากทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยลดลง พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและความต้องการด้านการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป รวมถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 34.5 ล้านคน หรือหดตัวจากปีก่อนหน้า 2.8%
-ดังนั้น จากปัจจัยความไม่แน่นอนข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่ 1.4% อย่างไรก็ดี ประมาณการดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับผลการเจรจาทางการค้าของไทยเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ เป็นสำคัญ รวมถึงมาตรการดูแลเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะออกมาเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลให้ประมาณการดังกล่าวมีแนวโน้มดีกว่าที่คาด
ดร.ลลิตา เธียรประสิทธิ์
ผู้บริหารงานวิจัย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี