สํานักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโครงการ “เสริมสร้างศักยภาพและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยสู่ความยั่งยืน ปี 2568 (Carbon Neutrality 2025 : Carbon Footprint Focus)” พร้อมจัดกิจกรรม “4 Days CNLs Training & Networking“
โดยมี ม.ล. คฑาทอง ทองใหญ่ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ “เปลี่ยนต้นทุนให้เป็นโอกาส ด้วย Carbon Footprint ในมือผู้ประกอบการ” โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้พร้อมแข่งขันในเวทีโลกด้วยแนวคิด ธุรกิจคาร์บอนต่ำ พร้อมสร้างผู้นำ “Carbon Neutrality Leaders รุ่นที่ 3” จำนวน 10 กิจการ ที่สามารถเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต่อไป
ม.ล. คฑาทอง ทองใหญ่ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากเดิมที่เรามองว่าแค่สินค้าดีมีคุณภาพก็เพียงพอ ตอนนี้ไม่พอแล้ว ตลาดพัฒนาแล้วทั่วโลก เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เริ่มใช้ความยั่งยืน และ การปล่อยคาร์บอน เป็นเกณฑ์ใหม่ในการพิจารณานำเข้าสินค้า เพราะฉะนั้น คุณภาพของกระบวนการผลิต จึงกลายเป็นหัวใจของการค้าสมัยใหม่ และ DITP ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก โดยเฉพาะในยุคที่มาตรการทางสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในห่วงโซ่การค้า โครงการ Carbon Neutrality 2025 จึงถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยก้าวทันและก้าวนำด้วยแนวคิดคาร์บอนต่ำ เพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สร้างแต้มต่อทางการค้าอย่างยั่งยืน
รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย ผู้อำนวยการ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า แม้ขณะนี้ CBAM จะยังไม่รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มโดยตรง แต่มีแนวโน้มสูงมากที่จะขยายขอบเขตภายในสิ้นปี 2568 เพราะห่วงโซ่อุปทานของอาหารนั้นปล่อยคาร์บอนในระดับที่ไม่สามารถมองข้ามได้ แต่เรามีบทบาทในการขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทยสู่การพัฒนาธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน โครงการ Carbon Neutrality 2025 เป็นหนึ่งในโครงการที่เราภูมิใจอย่างยิ่ง เพราะสามารถเชื่อมโยงแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมเข้ากับภาคธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม มาจนถึงรุ่นที่ 3 ในปีนี้ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผมเชื่อมั่นว่าแนวทางการลดคาร์บอนจะไม่ใช่แค่ข้อกำหนดทางการค้าอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทย เราจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา CNLs รุ่นที่ 3 ให้เป็นผู้นำตัวจริง ที่สามารถขยายผลแนวคิดนี้ได้ในวงกว้าง และช่วยยกระดับธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจสีเขียวในระดับสากล
โครงการ Carbon Neutrality 2025 : Carbon Footprint Focus มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในด้านธุรกิจคาร์บอนต่ำ สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ผ่านการดำเนินโครงการที่เน้นทั้งการสร้างองค์ความรู้ การให้คำปรึกษาเชิงลึก ตลอดจนการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอฉลาก Carbon Footprint of Product (CFP) ได้จริง
โดยกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการภายใต้ชื่อ “4 Days CNLs Training & Networking” ผู้ประกอบการจำนวน 40 บริษัท จะได้รับการอบรม 5 หลักสูตร ได้แก่หลักสูตรที่ 1 Leadership for Carbon Neutrality หลักสูตรที่ 2 การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน หลักสูตรที่ 3 กฎเกณฑ์และข้อกำหนดในต่างประเทศ หลักสูตรที่ 4 กลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และหลักสูตรที่ 5 แนวทางการคำนวณค่า Carbon Footprint และกิจกรรม Networking & Inspiration Talk พร้อมกิจกรรมคัดเลือกผู้ประกอบการจำนวน 10 บริษัท
หลังจบการอบรม ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับคำปรึกษาเชิงลึกในการจัดทำแผนผังวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ และการคำนวณ Carbon Footprint ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นขอ ฉลาก Carbon Footprint ของผลิตภัณฑ์ กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในอนาคต และท้ายสุดดำเนินการจัดทำแผนธุรกิจด้านการลดคาร์บอน คู่มือการดำเนินการขอใบรับรอง Carbon Footprint และ Catalogue รวบรวมข้อมูลสินค้า เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดและขยายช่องทางส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการไทย
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี