นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้าของไทย เดือนเมษายน 2568 เมื่อเทียบกับ เดือนเดียวกันของปีก่อน ยังคงขยายตัวตามความต้องการสินค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากอยู่ในช่วงการเร่งส่งออก ก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ประกอบกับการนำเข้าสินค้าขยายตัวต่อเนื่อง เพื่อนำมาผลิตสำหรับส่งออก
อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายกีดกันทางการค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางด้านราคาของไทยในระยะข้างหน้า โดยดัชนีราคาส่งออกเดือนเมษายน 2568 เท่ากับ 110.9 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.3% กลับมาฟื้นตัวขึ้น จากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากอยู่ในช่วงการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่วนดัชนีราคานำเข้า เท่ากับ 114.2 ลดลง 1% จากการลดลงของราคาสินค้าเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ แต่กลุ่มสินค้าทุน วัตถุดิบ และอุปโภคบริโภค ยังขยายตัวตามความต้องการใช้
สำหรับดัชนีราคาส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าอุตสาหกรรม 1.6% ได้แก่ ทองคำ ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เพื่อรองรับการทำงานของ AI และเร่งนำเข้าก่อนจะมีการประกาศภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 1.4% ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง ตามความนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทั่วโลก และความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องดื่ม ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ตามแนวโน้มการบริโภคอาหารพร้อมรับประทานเพิ่มขึ้น
โดยหมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลดลง 17.4% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลง 3.3% ได้แก่ ข้าว เนื่องจากอุปทานข้าวโลกยังอยู่ในระดับสูง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
ส่วนดัชนีราคานำเข้าที่ลดลง มาจากหมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลดลง 14.3% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลจากอุปทานส่วนเกิน และความต้องการที่ชะลอตัว แต่หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 8.0% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี ผัก ผลไม้ ตามความต้องการเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และการขยายตัวของการท่องเที่ยว
หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 4.6% โดยเฉพาะทองคำ ตามทิศทางราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า ทำให้ความต้องการถือครองทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตามความต้องการนำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ
ส่วนแนวโน้มดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้าเดือนพฤษภาคม 2568 คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงอีก เพราะฐานราคาปี 2567 ในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2568 การเร่งนำเข้าสินค้าไทยจากประเทศคู่ค้า ก่อนจะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้เต็มรูปแบบ ทำให้มีความต้องการสินค้าในระยะสั้นเพิ่มขึ้น สินค้าเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียังขยายตัว และต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี