วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
เตือนรัฐก่อนเป็น'กบต้ม' เร่งแก้'ผูกขาด-คอรัปชั่น-นิติรัฐ'

เตือนรัฐก่อนเป็น'กบต้ม' เร่งแก้'ผูกขาด-คอรัปชั่น-นิติรัฐ'

วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 17.13 น.
Tag : การเมืองวันนี้ อภิสิทธิ์ พรรคการเมือง เลือกตั้ง
  •  

วงเสวนาเศรษฐศาสตร์ มธ.คึกคัก ส่งสัญญาณเตือน ต้องตื่นตัวรีบแก้ไขด่วน ก่อนจะกลายเป็น "กบต้ม" แนะเร่งแก้ "ผูกขาด-คอรัปชั่น-นิติรัฐ"

เมื่อวันที่ 31 พ.ค.68 ที่คณะเศรษฐ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม จัดเวทีสาธารณะ หัวข้อ “Why Nations Fail – บทเรียนที่ประเทศไทยต้องไม่ล้มเหลว” โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าพูดถึงระบบการทำงานของภาครัฐที่ยังทำงานอยู่แต่ไม่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีองค์กรจัดอันดับรัฐล้มเหลวนั้นไทยอยู่ที่อันดับ 95 คะแนนก็อยู่ตรงกลาง ที่มีคำเตือนแล้ว ทั้งนี้ตนได้อ่านหนังสืออีก 2 เล่ม เล่มแรกบอกว่าโครงสร้างของรัฐที่จำนำส่การพัฒนาประเทศค่อนข้างแคบ มีความเสี่ยงสูง เพราะด้านหนึ่งคือรัฐรวบอำนาจ ทำลาย กลไกตลาด ระบบทุนนิยม การแข่งขัน และอีดด้านหนึ่งคือรัฐไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ ไร้กติกาไร้ระบบไร้ระเบียบ ดังนั้นต้องมีความพอดี ส่วนหนังสืออีกเล่มย้ำว่าลำพังเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบของการพัฒนาประเทศทั้งหมด เพราะในอดีตการเข้ามาของเทคโนโลยีก็สร้างความมั่งคั่งกับแค่นายทุนหยิบมือ แต่สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์คือการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีกฎกติกาการรวมตัวกันของแรงงาน มีอำนาจต่อรอง มีระบบจัดเก็บภาษี และจัดทำสวัสดิการ 


ด้วยเหตุนี้ ตนมองว่าไทยมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถบรรลุศักยภาพที่มีที่คิดว่าจะทำได้ เพราะเวลาสถาบันต่งๆ จัดอันดับประเทศไทย เรื่องคอรัปชั่น เสรีภาพทางเศรษฐกิจ เสรีภาพทางการเมือง ความเป็นประชาธิปไตย ความพร้อมในการเอาเทคโนโลยีไปใช้ ยังเห็นการจัดอันดับที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีแต่ลดลงเรื่อยๆ อาจกระเตื้องขึ้นมาบางปีแล้วก็เสื่อมถอยลงไปอีก จุดอ่อนมีทั้งเศรษฐกิจและการเมือง โดยในเรื่องของเศรษฐกิจนั้น ถ้าดูที่อื่น 10 ปีมานี้บริษัทที่เติบโตในตลาดหลักทรัพย์จะเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่ของไทยน่าจะมีแค่ 1 บริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี นอกนั้นคือรัฐวิสาหกิจเดิมธุรกิจที่ผูกขาด ตรงนี้จึงทำให้ยากการก้าวข้ามสภาพปัจจุบัน ถ้าลองไปเสนอความคิดดีๆ กับธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทยปฏิกิริยาจะเหมือนกันหมดว่าน่าสนใจมาก แต่ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะทำ เพราะทุกวันนี้เขาไม่ต้องแข่งขันอะไร ถ้าต่อไปสังคมไม่โต ไม่มีอำลังซื้อคำตอบของเขาก็แค่ไปลงทุนในต่างประเทศ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในทางการเมือง วันนี้ ตนก็ยังมองว่าการเมืองจะเป็นแบบนี้ไปอีกอย่างน้อย 3-4 ปี เพราะเกือบทุกพรรคการเมืองก็พึงพอใจกับสภาพอย่างนี้ คนที่เป็นรัฐบาล ก็พึงพอใจกับความที่ได้เป็นรัฐบาล ส่วนจะผสมกลมกลืนหรือไม่คนละเรื่อง แต่ยังสามารถดำรงสถานะความเป็นรัฐบาล ใช้สถานะความเป็นรัฐบาลหวังว่าจะเอื้อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าได้ระดับหนึ่ง แต่ถามว่ามีวิสัยทัศน์หรือมีจุดร่วมจะพาประเทศไปทางไหนหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบ ขนาดพรรคฝ่ายค้านก็มองในทำนองว่า ห้วงเวลาอยู่ข้างเขา ยิ่งประเทศสะสมปัญหามากขึ้นเท่าไหร่ วันข้างหน้ายิ่งมีโอกาสพลิกกลับมา ดังนั้น

“ประเทศไทยต้องหลุดพ้นจากสภาพนี้ก่อน เพราะเวลาเดินเร็วมาก ถ้าเสียโอกาสไปอีกเพียงแค่ 2 ปี 3 ปี 4 ปี แล้วคิดจะไปไล่ตามให้ทันทีหลังก็เหนื่อย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จุดหนึ่ง ที่ทำให้เรายังไม่สามารถไปไหนได้เพราะความตื่นตัว เศรษฐกิจที่เริ่มถดถอยแต่คนไม่มีการตื่นตัว น่าจะเกิดความชินชา ซึ่งเมื่อเหล่านี้จะไปผูกพันกับคอรัปชั่นด้วยแต่คนก็จะชินชาว่ามันก็เป็นอย่างนี้ ประเด็นท้าทาย หรือเราต้องรอให้เกิดวิกฤตก่อน หรือรอจนถูกต้มจนสุกแล้ว ส่วนตัวเคยหวังว่าโดนัลด์ทรัมป์จะมาช่วยเรา เพราะวันที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีการประกาศนโยบายแรกๆ ทำให้คนไทยมีอารมณ์ร่วมหมดว่าจะทำอย่างไรให้ ประเทศไทยรอด แม้กระทั่งฝ่ายค้าน ที่บอกว่าจะต้องให้กำลังใจรัฐบาล ดังนั้นตอนนี้ต้องมีการกระตุ้นความรู้สึกคนไทยให้มีส่วนร่วมในการปรับตัว และต่อสู้เพื่อให้ประเทศไทยอยู่รอด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า จริงๆ หลายเรื่อง หลายภาคส่วนตนเห็นว่าก็มีการขยับ แต่ที่จับตาอยู่คือระบบศาล ระบบยุติธรรมไปด้วยหรือเปล่า และอย่างที่มีผู้กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่าผู้ที่มีอำนาจในระบบเศรษฐกิจผูกขาด มีอิทธิพลมากต่อระบบการเมือง นี่คือจุดล่อแหลมจุดอันตรายที่เราต้องหาทางแก้ไขให้ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งจากหนังสือที่ตนได้อ่าน มีการเปรียบเทียบไทยกับเกาหลีใต้ เพราะเคยอยู่ในระดับการพัฒนาเดียวกัน แต่วันนี้เกาหลีใต้ไปไกลกว่าเยอะ สิ่งที่เขาคิดและชี้ชัดคือบทบาทของทหารเกาหลีใต้ถอยออกไปเยอะจากการเมือง แต่ส่วนตัวอยากจะชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่า นอกจากกองทัพเกาหลีใต้ถอยออกไปแล้ว จะเห็นว่า ประธานาธิบดีทุกคนที่โกงกินติดคุกหมด ถ้าประเทศไทยมีนายกฯ โกงและติดคุกด้วย เราก็อาจจะไปถึงจุดที่เกาหลีไปถึงด้วยเช่นกัน

ที่ผ่านมามีคนพูดกับตนว่า “หวังว่าทหารจะไม่เข้ามาอีก” แสดงว่ามีการเรียนรู้ระดับหนึ่ง ว่าถ้าเราจะไปหวังพึ่งกลไกลบางอย่างที่คิดว่าลอยมาแล้วจะแก้ปัญหาได้ในที่สุดเราก็จะผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันนี้ส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญยังเป็นอุปสรรคอยู่ แต่คนที่ที่รู้สึกแบบเดียวกันไม่กล้ากระโดดมารื้อรัฐธรรมนูญเพราะไม่รู้ว่ารื้อแล้วจะได้อะไรกลับมา เพราะสัญญาณที่เกิดขึ้นคือ เห็นว่าองค์กรอิสระไม่น่าเชื่อถือ พอบอกไม่เอาเผด็จการทหาร แต่คำตอบเดียวที่มีคือ ให้ทุกอย่างเป็นไปตาม เสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าไปสู่จุดนั้นก็แสดงว่า เราไม่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ดังนั้นสำหรับตนการช่วยการทำให้กลไกการตรวจสอบการใช้อำนาจของคนที่มาจากการเลือกตั้งคือสิ่งสำคัญ กระบวนการส่งคนเช้าสู่อำนาจสำคัญ จึงกลับมาที่เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบต่างๆ ที่ไม่จำกัดอยู่แค่องค์กรอิสระ หรือศาลแต่คือสื่อมวลชนด้วย  

ทั้งนี้ คิดว่ากันคาดหวังให้ราชการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากเพราะระบบราชการ ไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง แต่คนที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงคือระบบการเมืองที่เข้มแข็ง ถ้ารัฐบาลเสถียรภาพง่อนแง่น จะเปลี่ยนแปลงอะไรก็คงลำบาก ตนคิดว่าโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญปี 2540 คนร่างตั้งโจทย์ชัดว่าไม่เอารัฐบาลผสม แต่ออกแบบให้รัฐบาลเข้มแข็งกับ ออกแบบให้มีระบบตรวจสอบใหม่ คือการสร้างองค์กรอิสระจำนวนมาก ซึ่งถ้าองค์กรเหล่านั้นทำงานได้ผลตามนั้นคิด มันก็ไปได้ วันนี้โจทย์นั้นก็ยังอยู่กับเรา เราอยากได้รัฐบาลเข้มแข็ง มีทิศทางที่ชัดเจนในการที่จะปรับโครงสร้างต่างๆ แต่ต้องถูกตรวจสอบ โดยองค์กรที่ควรเชื่อถือไ ด้และมีความเป็นอิสระ

“วันนี้คนไทย เด็กไทย ภาคเอกชนไทยข้าราชการไทยไม่ได้เลวร้ายไปกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นจึงคิดว่า ทำได้เดือนหน้าได้ จึงต้องมาหาจุดพลิกตรงนี้ให้ได้เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น” นายอภิสิทธิ กล่าว และว่า การเริ่มต้นทำสิ่งเหล่านี้ได้ ต้องทำให้คนไทยตื่นตัวร่วมกันว่า ต้องช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลง  

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.การคลัง กล่าวว่า ตนก็มีอารมณ์อึดอัดต่อหลายอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าระดับสังคมหรือเศรษฐกิจก็ตาม  จากการอ่านหนังสือเล่มหนึ่งพบว่า สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศคือ 1. ภูมิลักษณะที่เปลี่ยนแปลงเร็ว 2. เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง 3. การเปลี่ยนแปลงผู้นำเพราะหลายประเทศมีการเลือกตั้ง เช่นสหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำก็ทำให้ประเทศพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อกลับมามองประเทศไทย ที่เราเคยหวังว่าเมื่อไม่นานมานี้เราก็ประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับหลายประเทศโดยเฉพาะเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตาม วันนี้สิ่งที่ชัดเจนเรามีปัญหาหลักอยู่ 2 อย่างคือ 1. เรามีปัญหาเรื่องเงินฝืดธนาคารไม่ปล่อยกู้เศรษฐกิจไม่โต GDP ไม่โต 2. มีปัญหาหนี้สินโดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือนซึ่ง 2 ปัญหานี้ เปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่น หลังยกฟองสบู่ ก็อยู่ในสภาวะ เงินฝืดหลายปีจนนายกรัฐมนตรีอาเบะมีนโยบายเมื่อ 2012 เรียกว่าธนู 3 ดอก 1. ผ่อนคลายการเงินลดอัตราดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่า 0% 2. กระตุ้นนโยบายการคลัง 3. การปฏิรูปภาคธุรกิจ ซึ่งต้องทำพร้อมกันทั้ง 3 เรื่อง โดยเฉพาะดอกสุดท้ายที่ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัว และวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็มีความคึกคัก แม้ปัญหาจะอย่างมากอยู่แต่ก็เป็นบทเรียนให้กับประเทศไทยว่าวันนี้ด้วยปัญหาคล้ายๆ กันรวมถึงปัญหาการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

“ดังนั้นไทยอาจจะเรียนรู้บทเรียนนโยบายของญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้อาจจะทันท่วงทีต่อการกระตุ้นให้ประเทศไทยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างน้อยใน 10 ปีข้างหน้า และปัจจัยที่สำคัญมากคือ เรื่องของผู้นำ ญี่ปุ่นยังต้องพึ่งนายกฯ อาเบะ ผมกล้าพูดว่าถ้าไม่มีอาเบะก็ไม่สามารถที่จะผลักดันนโยบายที่ท้าทายทางการเมืองได้ เหมือนกับที่ญี่ปุ่นได้ทำมาเพราะฉะนั้นกลับมาที่ประเทศไทยของเราช่องทางมันมีแต่ต้องอาศัยผู้นำคำถามที่สำคัญคือแล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะได้ผู้นำที่ดี" นายกรณ์ กล่าว

ขณะที่ ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าโลกปัจจุบันมีโอกาส ที่จะทำนโยบาย หรือมาตรการต่างๆให้ถูกเพื่อเปลี่ยนสภาวะปัญหาที่เผชิญอยู่มาเป็นโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ได้  โดยเฉพาะการพัฒนาทางเทคโนโลยีสามารถนำมาสู่โอกาสที่หลากหลายได้ อยากได้ก็ตามอย่างมีหลายปัจจัยที่ยังกังวลว่ารัฐยังไม่สามารถ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ได้อย่างยั่งยืน เช่นโครงสร้างสถาบันการเมือง เศรษฐกิจที่มีลักษณะกินรวบ  มากกว่ากันเปิดโอกาสการมีส่วนร่วม และเราเริ่มเห็นปฏิสัมพันธ์ของสถาบันเศรษฐกิจ และสถาบันการเมืองกินร่วมทำให้โอกาสของคนส่วนใหญ่ของประเทศยากขึ้น นอกจากนี้หลักนิติรัฐยังเห็นว่าอ่อนแอทุกระดับ  

"ตอนนี้เราอาจจะไม่ใช่รัฐที่ล้มเหลวหรือรัฐที่สอบตก แต่ผมรู้สึกว่า เป็นรัฐกบต้ม รัฐนิ่งเฉยมากขึ้น ดังนั้นเราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นกบที่นิ่งเฉยแต่ตระหนักถึงอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆจะทำอะไรก็ให้รีบๆทำ ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำร้อนขึ้นเรื่อยๆนะขณะที่กล้ามเนื้อเราอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ดังนั้นต้องช่วยกันตระหนักรู้และหาทางออกจากหม้อน้ำที่อุณหภูมิ สูงขึ้นเรื่อยๆก็เชื่อว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยส่วนใหญ่ได้" ดร.วิรไท กล่าว และว่า ส่วนสำคัญคือการปฏิรูประบบราชการพราะเป็นตัวเชื่อมของของสถาบันการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้อ่อนแอมาก และกลายเป็นเสริม หรือจำยอมให้เกิดการกินรวบ วันนี้เราเห็นนโยบายการเมืองหลายอย่างที่ไม่ค่อยยึดโยงผลประโยชน์ของประชาชน และก็เห็นการตัดสินใจของภาครัฐหลายอย่างเหมือนกันที่ไม่ได้ยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชน จึงต้องปฏิรูประบบราชการ

ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ตัวชี้วัดคุณภาพของสังคมไทยวันนี้ มี 3-4 ตัวคือ1.คุณภาพของนิติรัฐ มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมหรือไม่ เพราะหลายกรณีในเมืองไทยที่คนทำผิดไม่ต้องรับผิด กฎหมายถูกบังคับใช้ไม่เท่ากันในหลายกรณี 2. เรื่องคอรัปชั่น ที่คนมองว่าเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย ใครๆ ก็จ่ายทั้งๆ ที่สังคมอื่นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ 3.การผูกขาดกินรวบ และ 4 ความเป็นประชาธิปไตย นี่คือสัญญาณ ที่สำคัญของคุณภาพสถาบันการเมืองและเศรษฐกิจ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ธีรรัตน์’คว้ารางวัลเกียรติยศ Pride Popular of Politician Awards 2025 ‘ธีรรัตน์’คว้ารางวัลเกียรติยศ Pride Popular of Politician Awards 2025
  • กำแพงความถูกต้อง! ‘หมอตี๋’ให้กำลังใจ‘กรรมการแพทยสภา’ กำแพงความถูกต้อง! ‘หมอตี๋’ให้กำลังใจ‘กรรมการแพทยสภา’
  • ด้อม‘พี่ตุ๋ย’เดือด! ระดมพลโซเชียลให้กำลังใจ-สนับสนุน‘พีระพันธุ์’ ด้อม‘พี่ตุ๋ย’เดือด! ระดมพลโซเชียลให้กำลังใจ-สนับสนุน‘พีระพันธุ์’
  • \'มาริษ\'ยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สองฝ่ายมุ่งร่วมมือลดความตึงเครียด 'มาริษ'ยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สองฝ่ายมุ่งร่วมมือลดความตึงเครียด
  • ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’เล่าย้อนอดีต! ‘ช่องบก’เป็นของ‘ไทย’แน่นอน ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’เล่าย้อนอดีต! ‘ช่องบก’เป็นของ‘ไทย’แน่นอน
  • ไม่คิดย้ายพรรค!!! \'จิรวุฒิ-ธนกร\'ประสานเสียงยังอยู่\'รทสช.\'แน่นอน ไม่คิดย้ายพรรค!!! 'จิรวุฒิ-ธนกร'ประสานเสียงยังอยู่'รทสช.'แน่นอน
  •  

Breaking News

ใช้โซเชียลอย่างมีวิจารณญาณ! 100คลิป‘TikTok’ยอดฮิตด้าน‘สุขภาพจิต’กว่าครึ่งให้ข้อมูลผิดๆ

‘ธีรรัตน์’คว้ารางวัลเกียรติยศ Pride Popular of Politician Awards 2025

สองตายายร่ำไห้ใจจะขาด ไฟไหม้คอกควายที่เลี้ยงไว้ ตาย 10 ตัว

กำแพงความถูกต้อง! ‘หมอตี๋’ให้กำลังใจ‘กรรมการแพทยสภา’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved