นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้ทำการวิเคราะห์ธุรกิจดาวเด่นประจำเดือนเมษายน 2568 จากคลังข้อมูลธุรกิจ “DBD DataWarehouse+” พบว่าธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง โดยกรมฯได้จัดทำบทวิเคราะห์เจาะลึกธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ เพื่อให้ทราบถึงความปังของธุรกิจ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้ปกครองที่มีรายได้สูง โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ที่มีโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่รวมกันมากกว่า 80%

โดย 10 อันดับโรงเรียนที่มีค่าเทอมสูงสุดปัจจุบันอยู่ที่ 905,300-1,109,400 บาทต่อปี ซึ่งกลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูงจะนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียน รวมทั้งนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทยพร้อมครอบครัว เนื่องจากโรงเรียนนานาชาติในไทยมีการขยายหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการการศึกษาคุณภาพสูงและมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล รวมทั้งให้ความสำคัญต่ออัตราส่วนระหว่างครูผู้สอนกับนักเรียน และการดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนเชิงจิตวิทยา คือ สถานะทางสังคม เนื่องจากได้รับการยอมรับในสังคม และการมีส่วนร่วมในเครือข่ายสากล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความมั่งคั่ง และความชอบในสิ่งที่มีความพิเศษกว่า

ทั้งนี้กรมฯได้มีการรวบรวมโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับความนิยม 20 ราย เพื่อวิเคราะห์มุมมองธุรกิจในเชิงลึกมากขึ้น พบว่าในปี 2566 รายได้รวมเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 7,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.04% จากปี 2565 สะท้อนถึงความสามารถในการขยายฐานนักเรียนและอาจรวมถึงการเพิ่มค่าเล่าเรียน หรือการขยายหลักสูตร สำหรับโอกาสในการขยายตลาดโรงเรียนนานาชาติในไทย ไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนสาขา แต่ยังรวมถึงการตอบสนองความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่ ตั้งแต่การเข้าสู่จังหวัดท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การพัฒนาหลักสูตรพิเศษ

อย่างไรก็ตามยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น อัตราการเกิดของประชากรที่อาจลดลงในระยะยาว ซึ่งอาจกระทบต่อจำนวนนักเรียนใหม่ในอนาคต และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิในระยะยาว โดยเฉพาะในภาวะที่การแข่งขันจากโรงเรียนต่างชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มรุนแรงขึ้น แต่ยังคงมีโอกาสสร้างการเติบโตได้