นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาได้ นำคณะกรรมการรถไฟ และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่หารือแนวทางการพัฒนาเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งขบวนรถท่องเที่ยว และขบวนรถที่วิ่งประจำ เพื่อใช้การนั่งรถไฟเชื่อมโยงระหว่างนักท่องเที่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งเป็นประตูสู่ภูมิภาคตะวันออก และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนา EEC
ทั้งนี้ คณะกรรมการรถไฟฯ (บอร์ด) รฟท. รวมถึงผู้บริหารการรถไฟฯ เชื่อมั่นว่า หากสามารถบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด โดยดึงจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาพัฒนาร่วมกัน จะสามารถยกระดับเส้นทางรถไฟสายท่องเที่ยวให้เป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จ ซึ่งไม่เพียงสร้างรายได้ให้กับการรถไฟฯ และเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่อีกด้วย
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รฟท. มีรายได้จากรถไฟนำเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 13 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 36 ล้านบาทในปี 2566 และเพิ่มขึ้นเป็น 52 ล้านบาทในปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของตลาดท่องเที่ยวทางรถไฟที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะขบวนรถนำเที่ยวอย่าง Kiha 183 และ Royal Blossom
ทั้งนี้ รฟท. ยังเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายระบบรางให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างเมืองหลักสู่เมืองรอง ตลอดจนวางรากฐานสำหรับการเชื่อมต่อการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคต่อไป
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี