นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า H.E. Mohammad Ali Rashed Lootah ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หอการค้าดูไบ (Dubai Chambers) ได้เข้าหารืออย่างเป็นทางการ ณ ห้องรับรอง ชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และหารือแนวทางการส่งเสริมการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศอย่างรอบด้าน
ในการหารือครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนของโลก โดยเฉพาะในบริบทของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับทวิภาคีอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
สำหรับฝ่ายไทยได้แสดงความพร้อมในการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจของยูเออีในภูมิภาคอาเซียน และส่งเสริมให้ภาคเอกชนของไทยเข้าไปมีบทบาทในตลาด UAE มากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ การใช้เครือข่ายการค้าในดูไบขยายสู่ตลาดใกล้เคียงในแอฟริกาเหนือ และยุโรปตะวันออก
โดยให้ความสำคัญของการสร้างระบบสนับสนุนธุรกิจอย่างยั่งยืน อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ การร่วมกันจัดอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ การส่งเสริม e-commerce ระหว่างประเทศ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น (resilient supply chain) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย
พร้อมกันนี้ไทยยังเล็งเห็นศักยภาพของดูไบ ภายใต้ยุทธศาสตร์ Dubai Economic Agenda 2033 (D33) ที่ตั้งเป้าหมายยกระดับดูไบสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก โดยไทยสามารถใช้โอกาสจากนโยบายนี้ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการบริการของไทยในสาขาที่มีความได้เปรียบ เช่น อาหารแปรรูป สุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรและธรรมชาติ รวมถึงบริการด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness & Medical Tourism)
นอกจากนี้ตนยังแสดงความยินดีที่หอการค้าดูไบได้เปิดสำนักงาน Dubai International Chamber ประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นสำนักงานแห่งที่ 36 ของโลก โดยสำนักงานดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้า และการจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
H.E. Mohammad Ali Rashed Lootah ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หอการค้าดูไบ กล่าวว่า หอการค้าดูไบ มีความพร้อมในการผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง UAE และไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศได้มีโอกาสสร้างเครือข่าย ลงทุน และดำเนินธุรกิจร่วมกันอย่างยั่งยืน
พร้อมระบุว่าไทยเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของ UAE ในภูมิภาคเอเชีย และมีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมอาหาร เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยว โดย UAE ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเป็น 2 เท่าภายในปี 2574 ซึ่งไทยถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันเป้าหมายให้เป็นจริง
ทั้งนี้ UAE ทราบเป็นอย่างดีว่าไทยมีความเป็นเลิศในด้านอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ในด้านของ UAE ก็มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีและหุ่นยนต์เช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้ UAE มั่นใจว่าทั้งไทยและ UAE จะสามารถนำความเชี่ยวชาญทั้ง 2 อย่างมาผสานกันจนสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารให้มีความก้าวหน้า สามารถเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มกำไรได้
นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้ฝากความระลึกถึงไปยัง ดร.ธานี บิน อาเหม็ด อัล เซยูดี รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ ซึ่งได้เคยนำคณะนักธุรกิจ UAE ที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนเดินทางเยือนไทย เพื่อเชิญชวนมาลงทุนในประเทศ รวมทั้งได้ติดต่อประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Comprehensive Economic Partnership Agreement : CEPA) ระหว่าง ไทย- UAE ซึ่งเห็นตรงกันที่จะเร่งผลักดันการเจรจาการค้าเสรี (FTA) ให้สามารถสรุปผลได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างต่อภาคธุรกิจของสองฝ่ายต่อไป
ทั้งนี้ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ระบุว่า ในปี 2567 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับ UAE อยู่ที่ประมาณ 20,688 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.53% และในช่วง 4 เดือนแรกปี 2568 มีมูลค่า 7,825.48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 31.10% โดยในช่วง 4 เดือนแรกปี 2568 สินค้ำที่ไทยส่งออกไป UAE ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2.อัญมณีและเครื่องประดับ 3.เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 4.ข้าว 5.ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจาก UAE ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.น้ำมันดิบ 2.เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ 3.ก๊าซธรรมชาติ 4.น้ำมันสำเร็จรูป 5.ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี