กรมโรงงาน จับยึดฝุ่นแดงกว่า 7.36 แสนกิโลกรัม

กรมโรงงาน จับยึดฝุ่นแดงกว่า 7.36 แสนกิโลกรัม

วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 09.19 น.

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา กรมโรงงานอุตสาหกรรม และชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย ร่วมกับ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตรวจสอบตู้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นสินค้าเข้าข่ายของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Wastes and Their Disposal) และของเสียเคมีวัตถุตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ทั้งนี้ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการทีมสุดซอยเดินหน้าปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และกากอุตสาหกรรมอันตรายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี “ฝุ่นแดง” ที่ตรวจพบการซุกซ่อนนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนนำเข้า มีข้อมูลเชื่อมโยงไปยังผู้เกี่ยวข้องหลายพื้นที่ ทั้งจังหวัดปทุมธานี ชลบุรี ระยอง และสมุทรสาคร จึงบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่องจนพบว่า บริษัท เค เอ็ม ซี 1953 จำกัด ในตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นต้นตอลักลอบนำเข้าฝุ่นแดง 10,262 ตัน มาขายต่อไปยังโรงงานรีไซเคิลฝุ่นแดง ในหลายพื้นที่อย่างผิดกฎหมาย ขณะเข้าตรวจค้นบริษัทฯ เจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดของกลางและพยานหลักฐาน ทำให้ได้ข้อมูลสำคัญจากเอกสารรายการขนส่งสินค้า (Cargo Tracking List) ว่าจะมีการนำฝุ่นแดงเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านท่าเรือกรุงเทพ จึงประสานไปยังกรมศุลการกรเพื่อเฝ้าระวังการนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด


นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรร่วมมือระหว่างหน่วยงาน รับนโยบายรัฐบาล ในการควบคุมการนำเข้าสินค้าอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ ได้สำรวจสินค้าตกค้างตามบัญชีของค้างบัญชีเรือ LIST F ที่ 012/2568 (ฝบศ.2 สบศ.2) ใบตราส่ง CASA83377900 ผู้รับตราส่ง KMC 1953 CO., LTD สำแดงสินค้าเป็นผงสังกะสี (Zinc Concentrate) จากการตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีการ X-ray fluorescence (XRF) พบสินค้ามีลักษณะเป็นผงละเอียด สีน้ำตาล กลิ่นฉุน มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นสังกะสีและเหล็ก โดยปนเปื้อนตะกั่ว และแดคเมียม บรรจุถุงกระสอบในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต จำนวน 36 ตู้ น้ำหนักรวม 736,425 กิโลกรัม

นายพรยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าดังกล่าวที่ตรวจสอบ มีลักษณะและองค์ประกอบสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นฝุ่นจากเตาหลอมเหล็ก หรือ ฝุ่นแดง ซึ่งปนเปื้อนตะกั่วและแคดเมียม จึงจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่เข้าข่ายเป็นของเสียเคมีวัตถุ (Chemical Wastes) ลำดับที่ 2.2 ตามบัญชี 5.2 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลฯ หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง โดยการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนและยังไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศปลายทาง ถือเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามแดนแบบผิดกฎหมายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ

 “หลังจากนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority) ตามอนุสัญญาบาเซลฯ ของราชอาณาจักรไทย จะดำเนินการแจ้งการส่งคืน (Return Shipment) ตู้สินค้ากลับไปยังประเทศผู้ส่งออกต้นทางในทันที พร้อมแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายข้ามแดนแบบผิดกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ กรมศุลกากรจะดำเนินคดีผู้นำเข้าตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากร พร้อมผลักดันตู้สินค้าดังกล่าวกลับประเทศต้นทาง การดำเนินการร่วมกันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมศุลกากรในครั้งนี้ ยกเป็นคดีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน” นายพรยศ กล่าว

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top