นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการค้าชายแดนและผ่านแดนที่จะช่วยให้เศรษฐกิจภายในจังหวัดตามแนวชายแดนและพื้นที่ใกล้เคียงมีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

กระทรวงพาณิชย์ นำโดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ก็ได้มีนโยบาย “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการค้าชายแดน พัฒนาต่อยอด และกระชับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าและการลงทุนของไทย ให้มีความพร้อมสำหรับรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ล่าสุดได้จัดงาน “มหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ระหว่างวันที่ 13 - 16 มิถุนายน 2568 ณ หัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน การจัดการดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เชื่อมโยงการค้า และการลงทุนระหว่างภูมิภาค รวมถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวชายแดนในระดับจังหวัดสู่เวทีระดับนานาชาติ

ภายในงานฯ มีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้ากว่า 150 คูหา พบสินค้าคุณภาพจากผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าเกษตรและผลไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษและกิจกรรมแจกของรางวัลภายในงานฯ และร่วมสนุกกับการแสดงพิเศษจากศิลปินที่มีชื่อเสียง (Mini Concert) และการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ตลอดทั้ง 4 วัน รวมถึงมีกิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Online Business Matching: OBM) ระหว่างผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการส่งออกของไทยกับผู้นำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ในส่วนของประชาชนที่เข้าร่วมงานฯ

ท่านจะได้เข้าถึงสินค้าเกรดส่งออก มีคุณภาพ และราคาโดนใจ จากผู้ประกอบการทั่วภูมิภาค ซึ่งกรมฯ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน

นายนพดลเชื่อว่างานดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้และเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวชายแดนโดยเฉพาะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและกลางในท้องถิ่นให้สามารถขยายโอกาสสู่ตลาดในระดับนานาชาติ รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป