Funding Societies แพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ระยะ 5 ปี มุ่งยกระดับบทบาทจากผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลสู่การเป็นพันธมิตรทางการเงินเชิงโครงสร้าง เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดด้านการเข้าถึงทุนของ SME ไทย เสริมศักยภาพการแข่งขันในระบบซัพพลายเชน และร่วมสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ยั่งยืน ท่ามกลางเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยจากข้อมูลล่าสุดของ Fintech News Network ระบุว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในปี 2567 สูงถึง 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่สองของภูมิภาคอาเซียน สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริการทางการเงินดิจิทัล โดยเฉพาะในภาคสินเชื่อดิจิทัลที่มีมูลค่ากว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการชำระเงินแบบดิจิทัล (Digital Payment) ที่ทะยานแตะ 141,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ* ซึ่งทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสอันมหาศาลสำหรับผู้ให้บริการด้านการเงินดิจิทัลในการเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่
“เอสเอ็มอีไม่ได้ต้องการแค่แหล่งเงินทุนเท่านั้น แต่พวกเขาต้องการ ‘พันธมิตร’ ที่เข้าใจบริบทของธุรกิจอย่างแท้จริง” นายวิกาส เจน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Funding Societies ประเทศไทย กล่าว “ในปัจจุบัน เอสเอ็มอีไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรูปแบบใหม่ที่เกิดจากเศรษฐกิจดิจิทัล การแข่งขันระดับโลกที่รุนแรงขึ้น และข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน วิสัยทัศน์ของเราจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่การให้สินเชื่อ แต่มุ่งเน้นไปที่การร่วมสร้าง ‘โครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน’ ใหม่ ที่สนับสนุนเอสเอ็มอีในทุกมิติ บนพื้นฐานของเทคโนโลยี ข้อมูล และความเข้าใจเชิงลึกในบริบทของผู้ประกอบการไทย”
ที่ผ่านมา Funding Societies เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงที่เอสเอ็มอีไทยมีความต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูกิจการ โดยบริษัทสามารถสร้างอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ได้อย่างโดดเด่น และจนถึงปัจจุบันได้ปล่อยสินเชื่อสะสมไปแล้วกว่า 150,000 ล้านบาท ผ่านธุรกรรมมากกว่า 5 ล้านรายการ ใน 5 ตลาดหลักทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วยอัตรา default rate 1.86% ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของระบบวิเคราะห์สินเชื่อ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อพฤติกรรมทางการเงินของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
บริษัทให้บริการลูกค้าจากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่จำกัดเฉพาะอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น การผลิต การค้าส่งและค้าปลีก บริการวิชาชีพและเทคโนโลยี และยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนเอสเอ็มอีในภาคสุขภาพ โดยภาคการผลิตมีสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการส่งออกในภูมิภาค อีกหนึ่งกลุ่มที่บริษัทให้ความสนใจคือการสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ทำงานในโครงการของภาครัฐ ซึ่งช่วยสนับสนุนสวัสดิการของประชาชนและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม
“การที่เรามีฐานลูกค้าหลากหลายแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของเราตอบโจทย์ความต้องการของเอสเอ็มอีไทยได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในมิติของการเข้าถึงสินเชื่อหมุนเวียน สินเชื่อการค้า และบริการสนับสนุนด้านสภาพคล่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขัน” นายวิกาส กล่าว
ภายใต้วิสัยทัศน์ระยะ 5 ปี Funding Societies ประเทศไทย จะมุ่งเน้น 3 เสาหลักเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ การให้สินเชื่อที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า (Client-Centric Financing) การบูรณาการเข้าสู่ระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem Integration) และการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ (Responsible Growth)
ในด้านการให้สินเชื่อที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า (Client-Centric Financing) บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับรอบกระแสเงินสดและรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกันของเอสเอ็มอีแต่ละราย โดยครอบคลุมถึงการให้สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain-linked Financing) และผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อิงจากข้อมูลบัญชีดิจิทัลจากแพลตฟอร์มพันธมิตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน การบูรณาการเข้าสู่ระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem Integration) ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่ Funding Societies มุ่งผลักดันอย่างจริงจัง โดยนายวิกาสกล่าวว่า “เรากำลังพัฒนาโซลูชันด้านการเงินในห่วงโซ่อุปทานร่วมกับพันธมิตร เพื่อรองรับความต้องการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในห่วงโซ่มูลค่าของประเทศไทย เป้าหมายของเราคือการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับองค์กรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน พร้อมเปิดรับพันธมิตรรายใหม่ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพลิกโฉมระบบการเงินสำหรับเอสเอ็มอีให้โปร่งใสมากขึ้น คล่องตัวมากขึ้น และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”
เสาหลักที่สามคือ การเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ (Responsible Growth) ซึ่งครอบคลุมถึงการคัดกรองลูกค้าอย่างรอบคอบ การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต และการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า “โดยแนวคิดของเราเรียบง่าย เมื่อธุรกิจของลูกค้าเติบโต เราก็เติบโตไปพร้อมกับพวกเขา” นายวิกาสกล่าว
Funding Societies ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังจังหวัดศักยภาพนอกเหนือจากกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบ โดยมุ่งสู่จังหวัดที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เพื่อตอบรับกับความต้องการของเอสเอ็มอีที่มุ่งเน้นการเติบโตและต้องการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
“การเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่การเพิ่มปริมาณการปล่อยสินเชื่อเท่านั้น แต่คือการช่วยให้เอสเอ็มอีไทยบริหารการเงินได้ดีขึ้น แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปรับตัวได้รวดเร็วท่ามกลางสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา” นายวิกาสกล่าวสรุป ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.fundingsocieties.co.th
*ในประเทศไทย Funding Societies ดำเนินธุรกิจ 2 ส่วนที่ต่างกันคือ FS Siam Co., Ltd. เป็นผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิงที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ FS Capital Co., Ltd. เชี่ยวชาญในการให้กู้ยืมโดยตรงแก่ธุรกิจขนาดเล็ก โครงสร้างนี้ช่วยให้ Funding Societies สามารถตอบสนองความต้องการทางการเงินที่หลากหลายภายในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี