นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ WHA เปิดเผยถึงประเด็นการเมืองภายในประเทศ ว่า ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ และภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เป็นบวกกับไทยมากกว่าส่งผลเชิงลบ เนื่องจากไทยยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน รวมถึงลูกค้าชาวจีนย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันยังไม่มีลูกค้ายกเลิกสัญญาแม้แต่รายเดียว

โดยในปี 2568 บริษัทมั่นใจว่าจะทำ All Time High ได้อีกครั้ง โดยคาดการณ์รายได้และกำไรจากการดำเนินงานปกติ จะเติบโต 35% หรืออยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท และตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) สูงกว่า 45% รวมถึงมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (NET IBD/E) น้อยกว่า 1.2 เท่า

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ยังเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า จากการขยายตัวของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมียอดโอนที่ดินตามเป้าหมายที่วางไว้ 500 ไร่ ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาซื้อขาย (LOI) ประมาณ 1,300 ไร่ รวมถึงมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งมีความต้องการที่ดินขนาดประมาณ 1,000 ไร่ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในกลุ่ม Data Center ราว 20 ราย คาดว่าจะปิดดีลได้ 2-3 ราย ภายในปี 2568 นี้ ส่วนรายใหญ่ที่สุดมีความต้องการที่ดิน 1,000 ไร่ คาดจะปิดดีลได้เร็วสุดในปี 2568 แต่หากไม่ทัน อาจเลื่อนไปปิดดีลในปี 2569

ส่วนลูกค้ารายใหญ่ ขนาดที่ดินเฉลี่ย 400-500 ไร่ อยู่ระหว่างรอเซ็น LOI คาดจะปิดดีลได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2568 รวม 2,350 ไร่ แบ่งเป็น ไทย 1,700 ไร่ และเวียดนาม 650 ไร่ และยอดโอนที่ดิน 2,000 ไร่ โดยมองแนวโน้มยอดขายที่ดินในไทยอาจเพิ่มขึ้นเกินตัวเลขที่ประเมินไว้ แต่บริษัทยังไม่มีการทบทวนเป้าหมายใหม่ เนื่องจากยังรอติดตามประเด็นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมีผลกระทบต่อเวียดนามอย่างไร

อย่างไรก็ตาม WHA Group มุ่งขับเคลื่อนองค์กรพร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจและอนาคตที่ดีกว่า บริษัทจึงไม่เป็นฝ่ายรอตั้งรับความเปลี่ยนแปลง แต่เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก และบุกเบิกเส้นทางใหม่เพื่อกำหนดอนาคต โดยการผสานนวัตกรรม เทคโนโลยี และหลักการดำเนินธุรกิจที่สร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในทุกมิติ เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่ล้ำหน้าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่สังคมและทุกภาคส่วน

บริษัทได้กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยครอบคลุมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม (Scope 1, 2 และ 3) ทั้งยังมุ่งมั่นก้าวสู่หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์แบบด้วยเป้าหมาย Circularity 100% และการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ 100% รวมถึงบริษัทยังมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Net Positive Impact) เพื่อคืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศและสร้างอนาคตที่ยั่งยืน