นายวิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ได้แก่ ความไม่แน่นอนด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย หากไม่สามารถเจรจาลดอัตราภาษีได้ก่อนเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 รวมถึงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่อาจกระทบต่อราคาน้ำมันดิบและอัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งส่งผลต่อการค้าชายแดน โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทที่ยังต้องรอการเบิกจ่าย และเสถียรภาพของรัฐบาล ภายหลังกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซ็น อดีตผู้นำกัมพูชา
ภายใต้ฉากทัศน์ฐานที่มีโอกาสเกิดขึ้นถึง 55% ศูนย์พยากรณ์ฯ ประเมินว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 15-20% สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านจะไม่ยืดเยื้อ ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาจะคลี่คลายอย่างรวดเร็ว โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจะสามารถเบิกจ่ายงบได้อย่างน้อย 50% ภายในปีนี้ และรัฐบาลสามารถประคองเสถียรภาพไว้ได้ตลอดทั้งปี
จากฉากทัศน์ฐานดังกล่าว ศูนย์พยากรณ์ฯ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวเพียง 1.7% การส่งออกและนำเข้าขยายตัวในอัตราเท่ากันที่ 2.5% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.5% การลงทุนภาครัฐขยายตัว 6% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนหดตัว 1.2% การบริโภคภาครัฐขยายตัว 1.3% และการบริโภคภาคเอกชนเติบโต 2.4% คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.69 ล้านล้านบาท ขณะที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงที่ 87.4% ต่อจีดีพี
ในด้านข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ศูนย์พยากรณ์ฯ เสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายใน 1-6 เดือน เช่น การเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราภาษีนำเข้า เร่งเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อประคองภาคส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 70% ฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีน และดูแลผู้ค้า-ผู้ส่งออกในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
ขณะที่ในระยะสั้น 6-12 เดือน เสนอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเชิงโครงสร้าง เพื่อปลดล็อกกำลังซื้อของประชาชน กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนผ่านการลดภาษีและสิทธิประโยชน์ ฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมด้วยการเพิ่มการใช้กำลังการผลิต รวมถึงจัดมาตรการป้องกันการทุ่มตลาดจากสินค้านำเข้าราคาถูก โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ที่กำลังไหลทะลักเข้าสู่ประเทศไทยในหลายหมวดอุตสาหกรรม
ด้านศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์ฯ กล่าวว่า การที่ต้องปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้จาก 3% เหลือเพียง 1.7% ส่วนใหญ่เป็นผลจากความไม่แน่นอนในบริบทเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสงครามการค้าและความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบความเชื่อมั่นการลงทุนและการค้าอย่างมีนัย
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียงที่ทำให้ฝ่ายค้านยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยสถานะของนายกรัฐมนตรี หากศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง อาจกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายและสร้างความผันผวนต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์ฯ ประเมินว่า น.ส.แพทองธาร จะยังสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดทั้งปี หากสามารถแก้ไขวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชาได้ และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อชดเชยแรงเสียดทานทางการเมือง โดยการลาออกจากตำแหน่งในช่วงนี้จะยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมากขึ้นในการฟื้นคะแนนนิยม รวมถึงการเลือกตั้งใหม่อาจไม่เป็นผลดีต่อพรรคเท่าที่หวังไว้
ศูนย์ฯ ยังจับตาการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ว่า จะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลมากน้อยเพียงใด รวมถึงรอดูท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีคลิปเสียงดังกล่าว และความคืบหน้าในกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งหากผ่านสภาฯ ได้ก่อน รัฐบาลก็ยังมีความชอบธรรมในการเดินหน้านโยบายต่อไปได้ แม้แรงกดดันทางการเมืองจะยังคงอยู่ก็ตาม
ศูนย์ฯ ยังเตือนว่า หากรัฐบาลยังสามารถประคับประคองสถานการณ์ได้จนผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในครึ่งปีหลัง และสามารถเร่งการเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ให้ลุล่วงควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจไทยพอมีแรงส่งมากขึ้นในปีหน้า แต่หากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจยังปะทุต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นทั้งจากนักลงทุนและประชาชนจะถูกกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี