สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าประมงไทยที่สร้างรายได้จากการส่งออกไปทั่วโลก ในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 54,000 ล้านบาท แนะผู้ประกอบการไทยจับตาใกล้ชิด หลังจีนเตรียมยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าประมง (พิกัดศุลกากร 03) พบว่า
เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ญี่ปุ่นได้บรรลุข้อตกลงกับจีน โดยคาดว่าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นจะสามารถส่งออกไปตลาดจีนได้อีกครั้ง หลังจากจีนห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นเป็นเวลาเกือบ 2 ปี (นับตั้งแต่ปี 2565) โดยญี่ปุ่นต้องขึ้นทะเบียนโรงงานแปรรูปอาหารทะเลกับทางการจีน และสินค้าที่ส่งออกต้องมีใบรับรองเพื่อยืนยันว่าไม่มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี โดยในปี 2565 จีนนำเข้าสินค้าประมงจากญี่ปุ่นเป็นอันดับที่ 10 (มูลค่า 506.8 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 2.7% ของมูลค่าการนำเข้าของจีน) สำหรับสินค้าประมงที่จีนนำเข้าจากญี่ปุ่นมาก เช่น หอยสแกลลอป และปลา เป็นต้น
ทั้งนี้ข้อมูลการค้าสินค้าประมง จาก Trademap.org พบว่า ในปี 2567 การส่งออกสินค้าประมงของโลก มีมูลค่า 136,804.03 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.นอร์เวย์ (สัดส่วน 11.3% ของมูลค่าการส่งออกของโลก) 2.จีน (7.6%) 3.เอกวาดอร์ (5.4%) 4.ชิลี (5.3%) และ 5.อินเดีย (4.5%) ขณะที่ไทยส่งออกเป็นอันดับ 24 ของโลก (1.1%) สำหรับประเทศที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา (สัดส่วน 15.3% ของมูลค่าการนำเข้าของโลก) 2.จีน (13%) 3.ญี่ปุ่น (6.9%) 4.สเปน (5.4%) และ 5.อิตาลี (4.7%) ขณะที่ไทยนำเข้าเป็นอันดับ 10 ของโลก (2.5%)
จีนเป็นตลาดใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก มีสัดส่วน 13% ของมูลค่าการนำเข้าของโลก ในปี 2567 จีนนำเข้าสินค้าประมง 17,885.61 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่นำเข้าจากเอกวาดอร์ (17.4% ของมูลค่าการนำเข้าของจีน) รัสเซีย (15.3%) แคนาดา (7.0%) เวียดนาม (6.6%) และอินเดีย (6.4%) โดยนำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 11 (2.1%) คิดเป็นมูลค่า 380.96 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการค้าสินค้าประมงของไทย ในปี 2567 ไทยส่งออกเป็นมูลค่า 1,544.96 ล้านเหรียญสหรัฐ (54,171.21 ล้านบาท) ขยายตัว 1.29% จากปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน (23.5% ของมูลค่าการส่งออกของไทย) 2.ญี่ปุ่น (18.9%) 3.สหรัฐฯ (14.2%) 4.เกาหลีใต้ (5.6%) และ 5.อิตาลี (5.5%) โดยการส่งออกสินค้าประมงจากไทยไปจีน มีมูลค่า 363.49 ล้านเหรียญสหรัฐ (12,717.60 ล้านบาท) หดตัว 2.1% จากปีก่อนหน้า สินค้าสำคัญที่ส่งออกไปจีน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.กุ้ง (68.9% ของมูลค่าการส่งออกไปจีน) 2.สัตว์น้ำเปลือกแข็ง และโมลลุสก์ อื่นๆ (14.3%) 3.ปลา (10.7%) 4.หมึก (4.2%) และ 5.แมงกะพรุน (1.5%)
ส่วนปี 2568 ช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม - เมษายน) การส่งออกสินค้าประมงของไทย มีมูลค่า 464.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (15,654.61 ล้านบาท) หดตัว 10.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน (22.67% ของมูลค่าการส่งออกของไทย) 2.ญี่ปุ่น (19.52%) 3.สหรัฐฯ (12.90%) 4.อิตาลี (7.44%) และ 5.เกาหลีใต้ (5.87%) โดยการส่งออกสินค้าประมงจากไทยไปจีนมีมูลค่า 105.23 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,549.13 ล้านบาท) หดตัว 20.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้การส่งออกสินค้าประมงสร้างรายได้ให้ประเทศมาอย่างต่อเนื่อง การที่ญี่ปุ่นกลับมาส่งออกสินค้าประมงไปยังจีนได้ อาจส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดสินค้าประมงของไทยในจีนลดลง ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ทางการค้า เพื่อรักษาตลาดเดิม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าประมง การขยายตลาดไปยังตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ (ขยายตัว 5.09% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568) แคนาดา (ขยายตัว 4.58%) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ขยายตัว 28.18%) กัมพูชา (ขยายตัว 9.9%) และฟิลิปปินส์ (ขยายตัว 8.49%) เป็นต้น รวมทั้งให้ความสำคัญในการแก้ไขประเด็นการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) รวมถึงส่งเสริมการทำประมงที่ยั่งยืน (Sustainable Fishing) อันจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการค้าและอุตสาหกรรมประมงของไทย
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี