นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบหมายนายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานเปิดการสัมมนา “From Trade War to Trade Win: พลิกเกมการค้า ฝ่าวิกฤตโลก” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมโนโวเทล มารีนา ศรีราชา แอนด์ เกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากพาณิชย์จังหวัดชลบุรีและระยอง ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคตะวันออก ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดชลบุรี ประธานเครือข่ายธุรกิจ MOC BIZ Club จังหวัดชลบุรีและประธานภาคตะวันออก รองประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมงาน โดยมีผู้ประกอบการในจังหวัดชลบุรีและใกล้เคียง เข้าร่วมการสัมมนาอย่างล้นหลามกว่า 300 คน
สำหรับการสัมมนาครั้งนี้บรรลุเป้าหมายในการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ในช่วงเช้าเป็นการเสวนา “From Trade War to Trade Win: พลิกเกมการค้า ฝ่าวิกฤตโลก” โดยมีนายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ดร. กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึกสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เป็นวิทยากรซึ่งได้แลกเปลี่ยนมุมมองและข้อเสนอแนะเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย อาทิ ผู้ประกอบการ SMEs ควรปรับตัวเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของนักลงทุนต่างชาติ ศึกษาตลาดเป้าหมาย ปรับสายการผลิตให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้าเนื่องจากสงครามการค้าในยุคทรัมป์ 2.0 จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้าอย่างถาวร
โดยโลกจะแบ่งออกเป็น 4 ขั้ว คือ สหรัฐอเมริกา ยุโรปและพันธมิตร จีนและพันธมิตร และประเทศที่เป็นกลาง ซึ่งได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์และประเทศไทย ดังนั้น เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว ผู้ประกอบการควรเร่งพัฒนาการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ มุ่งสู่ตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ให้มากขึ้น และประยุกต์นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร และมองหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ เพื่อกระจายความเสี่ยงและขยายโอกาสในเวทีการค้าโลกด้วย
นายดวงอาทิตย์ กล่าวว่า ในการสร้างแต้มต่อทางการค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าโดยการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยขณะนี้กรมฯ ได้นำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า โดยเชื่อมโยงระบบการให้บริการกับหน่วยงานต่าง ๆ เป็นการอำนวยความสะดวก ลดระยะเวลา เพื่อลดต้นทุนแฝงให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีมาตรการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการสวมสิทธิการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ อย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ ว่าสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศไทยจริง สำหรับกรณีที่มีสินค้าจากประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ทะลักเข้ามายังประเทศไทย กรมฯ สามารถใช้มาตรการ Safeguard (SG) เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบ โดยสามารถเรียกเก็บอากรเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกเป็นการชั่วคราว
นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) หัวข้อ “SMART DFT : Going Paperless” เพื่อปูพื้นฐานการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมการค้าต่างประเทศ ทั้งระบบออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการส่งออก–นำเข้า (DFT SMART Licensing Systems : SMART - I) ระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบไร้กระดาษ (ROVERs PLUS) และระบบออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (SMART C/O) โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากกรมฯ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการเพิ่มทักษะในการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมฯ และสามารถนำความรู้ไปใช้ได้อย่างมั่นใจในทุกขั้นตอนของการส่งออก
สำหรับการสัมมนา “From Trade War to Trade Win : พลิกเกมการค้า ฝ่าวิกฤตโลก” ครั้งต่อไปมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศมาถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์แก่ผู้ประกอบการ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ทางการค้าในปัจจุบันและสามารถฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี