นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการเจรจาภาษีนำเข้าระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ว่า เท่าที่ทราบนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ส่งข้อเสนอใหม่ไปให้สหรัฐฯแล้วเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2568 ซึ่งทันเวลา ก่อนครบกำหนดเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ได้มองว่าข้อเสนอเป็นการได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เนื่องจากสหรัฐฯต้องการขยายการส่งออกไปทั่วโลก ไม่เฉพาะไทย ซึ่งเชื่อว่าข้อเสนอของไทยอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม และอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้
ส่วนสินค้าที่ไทยสามารถนำเข้าจากสหรัฐฯ ทั้งพลังงาน และสินค้าเกษตร มองว่าต้องไม่สร้างผลกระทบกับสินค้าเกษตรในประเทศ สามารถต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างสมดุลได้ อย่างไรก็ตามหากเป็นไปได้ อยากให้ไทยถูกเก็บภาษีในอัตราต่ำสุด ส่วนเวียดนามที่ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เมื่อพิจารณาจะพบว่าเวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯมากกว่าไทยถึง 3 เท่า ขณะที่ปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์นั้น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับภาคเอกชน หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ควบคุมอย่างเข้มงวดมาเป็นระยะเวลา 1 เดือนกว่าแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้
ส่วนล่าสุดที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์แจ้งผ่านทรูธโซเชียล ว่า เขาจะเริ่มส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) ต่อประเทศต่างๆ 12 ฉบับ ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นั้น คาดว่าน่าจะเป็นประเทศที่ไม่มีการเจรจา ส่วนประเทศอื่นๆที่ยังอยู่ในระหว่างการเจรจา รวมทั้งไทย น่าจะยังรอผลอยู่
นายพจน์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ว่า การส่งออกจะขึ้นกับผลการเจรจากับสหรัฐฯ โดยมองว่าหากไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่ไม่ได้เสียเปรียบคู่แข่งมาก อาจกระทบการส่งออกไม่มากและอาจดีขึ้น เนื่องจากไทยยังสามารถส่งออกไปยังประเทศอื่นได้ดี เพียงแต่ต้องเร่งเจรจา แต่ปัจจัยที่ยังห่วงคือการเมืองในประเทศ ที่อยากให้มีเสถียรภาพโดยเร็ว ชัดเจน รัฐบาลเป็นที่ยอมรับ โดยต้องเริ่มขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพราะเวลาเราหมดแล้ว รวมถึงการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวจีนลดลง แม้นักท่องเที่ยวชาติอื่นเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมยังลดลง รวมถึงขอให้รัฐบาลมีการปรึกษาหารือกับภาคเอกชนด้วย
น.ส.วิไลรัตน์ ชัยวิภาส เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยกสิกรไทย KResearch กล่าวว่า เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 2/2568 เติบโต 7.96% (YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจากการส่งออก การลงทุนภาครัฐ และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้การส่งออกเติบโต 18.0% (YoY) จากการเร่งส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ก่อนสิ้นสุดช่วงระงับภาษี 90 วัน และก่อนทราบผลว่าเวียดนามได้ดีลจะถูกสหรัฐฯเก็บภาษี reciprocal 20% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 46% ในขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัว 20.1% (YoY) จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อาทิ สนามบินนานาชาติ Long Thanh และทางหลวงเชื่อมเวียดนามเหนือ-ใต้
ส่วนดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 10.3% (YoY) สะท้อนการเร่งการผลิตเพื่อตอบโจทย์การส่งออกและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยการผลิตที่เร่งตัวขึ้นอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แปรรูปเหล็ก พลาสติก การผลิตซีเมนต์
ทั้งปี 2568 เศรษฐกิจเวียดนามคาดจะเติบโต 6.7% โดยครึ่งปีหลังจะเติบโตชะลอลงจากครึ่งปีแรกที่เติบโต 7.52% (YoY) มีปัจจัยฉุดดังนี้ 1.การส่งออกชะลอตัวจากการที่สหรัฐฯเริ่มบังคับใช้ภาษี reciprocal 20% โดยมองว่าภาพรวมการส่งออกจะชะลอตัวลงอย่างมากในครึ่งปีหลัง ส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯคาดจะหดตัวลง เนื่องจากผู้นำเข้าส่วนใหญ่สต็อกสินค้าไว้แล้วช่วงไตรมาส 2 และยังมีสินค้าที่ประเทศอื่นส่งออกผ่านเวียดนามที่จะถูกเก็บภาษี 40% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง
2.การเกินดุลการค้าลดลงจากการเปิดตลาดสินค้าให้กับสหรัฐฯ รวมทั้งการเซ็น MOU ซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯมูลค่า 2-3 พันล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้การเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯเป็นปัจจัยหลักหนุนการเกินดุลการค้าของเวียดนามในภาพรวม 3.เศรษฐกิจเวียดนามยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงอยู่หลายปัจจัย อาทิ ทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอง หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศบรรลุความตกลงกับเวียดนาม ค่าเงินดองก็อ่อนค่าเป็นประวัติการณ์มาที่ระดับ 26,195 ดองต่อดอลลาร์ฯ นอกจากนี้เวียดนามยังเผชิญกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
4.ปัญหาหนี้เสียในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยสัดส่วน NPL อยู่ที่ระดับ 4.78% ณ เดือน มีนาคม 2567 และยังไม่มีการประกาศข้อมูลสัดส่วน NPL ในปี 2568 ทั้งนี้หนี้เสียในระบบธนาคารเวียดนามมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2565
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี