วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาลนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กับนางไฮดี แกลแลนท์ (Heidi Gallant) กรรมการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (The American Chamber of Commerce in Thailand: AMCHAM) นางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ สาขาประเทศไทย และประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหารและผู้แทนบริษัทสมาชิก เข้าพบเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสหรัฐอเมริกา โดยการประชุมครั้งนี้มีรัฐมนตรีที่มีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเชื่อมั่นในการก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลและได้นำเสนอวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่มุ่งมั่นทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น โดยมีนโยบายหลักในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ High Value Economy ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการเน้น “ปริมาณ” ไปสู่การสร้าง “คุณค่า”และตอกย้ำความตั้งใจของไทยที่จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกาพร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนชาวอเมริกันเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย เช่น ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ และยานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงตอกย้ำจุดมุ่งหมายการเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านการลงทุนและการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าสูงของภูมิภาคอาเซียน
สำหรับบทบาทสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการประชุมครั้งนี้ นางศุภจีฯ ได้กล่าวเสริมถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง (High-Value Economy) ใน 3 มิติหลัก
1.ผลักดันการค้ามูลค่าสูงและการขยายตลาด โดยมุ่งผลักดันการค้าสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันบทบาท “ครัวไทยสู่โลก” ผ่านการส่งเสริมสินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าอาหารแห่งอนาคต (Future Food) พร้อมสนับสนุนบทบาทของไทยให้เป็นศูนย์กลาง Wellness Economyรวมทั้งเร่งขยายตลาดผ่านการเจรจา FTA ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น ได้แก่ ไทย-EFTA, ไทย-EU, ไทย-เกาหลีใต้, อาเซียน-แคนาดา พร้อมส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ และบุกตลาดศักยภาพใหม่ เช่น เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา
2.ยกระดับมาตรฐานทางเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุน โดยเจรจาข้อตกลงทางการค้าและข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน (ART) โดยเฉพาะในประเด็นกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (ROO) ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะเจรจาให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ พร้อมยกระดับการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (IP) โดยเร่งปรับปรุงกฎหมายด้านลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือจาก AMCHAM ให้ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชี Watchlist
3.ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าแบบเติบโตอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุน Green Products & Services และ Green Economy ซึ่งกลายเป็นเทรนด์สำคัญในการมีส่วนร่วมอยู่ในห่วงโซ่อุปทานและระบบการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้งสนับสนุนการค้าสินค้า GI เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างกระจายตัว
ทั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงความเป็น “ทีมไทยแลนด์” ที่ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสาน ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อตอกย้ำจุดมุ่งหมายการเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนและการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าสูงของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ได้กล่าวขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการรับฟังมุมมองอย่างเปิดกว้างและสร้างสรรค์ โดยแสดงความจริงใจที่จะนำความเห็นและข้อเสนอแนะ ไปพิจารณาเพื่อนำไปสู่การทำงานที่เป็นรูปธรรม และย้ำอีกครั้งถึงความปรารถนาดีที่จะร่วมมือเป็นหุ้นส่วนกับสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจร่วมกันระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี