นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึง ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า ดัชนีปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 52.7 เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 28 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของผู้บริโภคต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังไร้เสถียรภาพ ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐ ตลอดจนความกังวลต่อสงครามการค้าระลอกใหม่จากนโยบาย "Trump 2.0" ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม
ทั้งนี้แม้ว่ารัฐบาลไทยจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแล้ว 2 ครั้งรวม 0.5% ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนมาอยู่ที่ระดับ 1.75% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้มากนัก สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมที่อยู่ที่ระดับ 46.7 ลดลงจาก 48.1 ในเดือนก่อนหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำที่ลดลงมาอยู่ที่ 50.6 จาก 51.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 60.9 ลดลงจาก 62.7 ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าปกติที่ระดับ 100 ซึ่งถือเป็นจุดชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงภาวะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจาก 54.2 ในเดือนพฤษภาคมมาอยู่ที่ 52.7 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และถือว่าต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 ปีเช่นกัน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันลดลงจาก 38.8 เหลือ 37.6 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตลดลงจาก 61.7 มาอยู่ที่ 60.1 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มมองอนาคตเศรษฐกิจด้วยความไม่มั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในประเทศที่ยังเผชิญภาวะค่าครองชีพสูง การเข้าถึงสินเชื่อที่ลำบาก และภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวจากการกลับมาระอุของสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการผลิต การส่งออก และการจ้างงานของไทย
นักวิจัยของศูนย์พยากรณ์ฯ ให้ความเห็นว่า หากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศยังคงดำเนินต่อเนื่อง และสงครามการค้ามีแนวโน้มรุนแรงขึ้น รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐยังไม่สามารถเร่งการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน ย่อมมีโอกาสสูงที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะยังคงอ่อนตัวลงต่อไปในระยะข้างหน้า และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของภาคครัวเรือนไทยที่อาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
โดยสรุป ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายน 2568 สะท้อนถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องเร่งดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเชิงโครงสร้างลุกลามจนยากจะแก้ไขในอนาคต.
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี