นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในการประชุมระดมสมอง (Focus Group) เรื่อง “บทบาทภาครัฐต่อการปรับโครงสร้างการส่งออก” เมื่อ 18 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรม Queensland กรุงเทพฯ และช่องทางออนไลน์ โดยเปิดเผยถึงความสำคัญของภาคการส่งออกที่เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน แต่ในขณะนี้ กำลังเผชิญกับทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างการผลิตภายใน และความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากปัจจัยภายนอกประเทศหลายด้าน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากนโยบายการค้าโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น สนค. จึงดำเนินโครงการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาคการส่งออกเพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดโลกให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โครงการศึกษาฯ นี้ ได้มีการศึกษาวิเคราะห์เชิงลึกของภาพรวมโครงสร้างการส่งออก ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความสามารถการส่งออก และศักยภาพของสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยในตลาดโลก รวมทั้งมีการวิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพและประเมินผลทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากการยกระดับการส่งออกผ่านการผลักดัน 2 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการยกระดับภาคการส่งออก คือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ และอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมทั้งพิจารณาถึงความสามารถในการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ เพื่อระบุถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพใหม่ ๆ มีโอกาสทางการตลาด และมีมูลค่าเพิ่มสูง ที่จะผลักดันการส่งออกต่อไป
สำหรับ 2 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมศักยภาพนี้ เป็นคลัสเตอร์สำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทยที่มีความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศและระดับโลก ทั้งในด้านการส่งออก การผลิต การจ้างงาน และการลงทุน โดยในคลัสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่มีการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 23.4 ของการส่งออกรวมใน ปี 2567 และมีบทบาทด้านการผลิต คิดเป็นร้อยละ 16
ของมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมในปี 2566 เป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ในการเปลี่ยนสินค้าให้กลายมาเป็น Smart Products ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และอาจสร้างสินค้าส่งออกใหม่ เช่น PCB PCBA อุปกรณ์เสริมทางการแพทย์ต่าง ๆ ในส่วนคลัสเตอร์ยานยนต์แห่งอนาคตมีการส่งออกร้อยละ 10 ของการส่งออกรวมในปี 2567 และมีบทบาทด้านการผลิตคิดเป็นร้อยละ 11 ของมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมในปี 2566 โดยยังคงเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้ว่ากำลังเผชิญแรงกดดันทางด้านการแข่งขันอย่างรุนแรง แต่เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านทางด้านเทคโนโลยีไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็ว และเป็นกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างการส่งออกของคลัสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย ทั้งนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2568 (มกราคม-พฤษภาคม) มีมูลค่า 27,299.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น
ร้อยละ 19.8 ของมูลค่าการส่งออกรวม และการส่งออกยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบมีมูลค่า 12,490.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9.0 ของมูลค่าการส่งออกรวม
การดำเนินโครงการศึกษาดังกล่าว นอกจากจะมีการศึกษาและวิเคราะห์จากข้อมูลสถิติเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์ประเด็นปัญหาของความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออกไทยโดยรวมแล้ว ยังมีการรวบรวมความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ ตลอดจนการประเมินความพร้อมและศักยภาพของผู้ประกอบการในการที่จะยกระดับภาคการส่งออก ผ่านการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและการประชุมระดมสมองกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพทั้ง 2 คลัสเตอร์ เพื่อให้ได้ผลการวิเคราะห์ที่รอบด้าน และนำมาสู่การพัฒนาร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการปรับโครงสร้างและยกระดับภาคการส่งออกของไทย ที่ได้ร่วมระดมสมองกันในวันนี้
ปัจจุบันโครงการศึกษานี้ อยู่ระหว่างการสรุปผลการศึกษา และรวบรวมประเด็นความเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจากการประชุมระดมสมองมาพัฒนาร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ก่อนที่จะจัดงานสัมมนาใหญ่เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาให้ภาคเอกชนและผู้ที่สนใจนำไปใช้ประโยชน์ และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับหน่วยงานภาครัฐขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม และภาคเอกชนได้ใช้ประโยชน์ประกอบการตัดสินใจวางกลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านการผลิตกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพมูลค่าสูงที่สอดคล้องกับความต้องการของในโลกอนาคตต่อไป
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี