นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ ระบุ ได้เจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ยังไม่จบ มีข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อหวังลดภาษี 36% ย้ำการปรับปรุงข้อเสนอจะตรงเป้าเป็นที่พอใจ และ Balance เป็นประโยชน์กับคนไทย
โดยระบุว่าได้เจรจรากับสหรัฐฯผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เมื่อคืนนี้ (วันที่ 17 กรกฎาคม 2568) เป็นการพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 กับทาง USTR โดยประเทศไทยได้ส่งข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และก็ได้มีการนำข้อเสนอเพิ่มเติมหลังจากที่หารือกันกับหลายภาคส่วนมานำเสนอเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยและทำ Stress Test ประเมินผลกระทบภาวะวิกฤตกับภาคธุรกิจ ภาคเกษตรกรรม ซึ่งได้ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ โดยหลายภาคส่วนเห็นว่าการเจรจาครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้ยกเครื่องเศรษฐกิจ ปรับปรุงโครงสร้าง
ด้าน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหารือด้านความร่วมมือทางการค้า เปิดเผยว่า ได้ติดตามการดำเนินการของ “ทีมไทยแลนด์” อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภาครัฐได้เชิญตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเจรจาอย่างเป็นทางการกับ USTR ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 17 กรกฎาคม โดยข้อเสนอที่ไทยยื่นเป็นรอบที่ 3 ซึ่งได้ปรับปรุงจากข้อเสนอชุดก่อนเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ถือเป็นข้อเสนอที่สหรัฐฯให้การตอบรับในทิศทางที่ดี แม้ยังมีบางรายการที่อยู่ระหว่างการต่อรองเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะมีการหารืออย่างต่อเนื่อง สำหรับภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออกยังคาดหวังว่าสหรัฐฯจะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และสามารถแข่งขันได้ใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาค
อนึ่ง ก่อนหน้านี้นายพิชัย ชุณหวชิร ระบุว่า ข้อเรียกร้องสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯในการเจรจาครั้งนี้คือ การขยาย Market Access หรือการเปิดตลาดสินค้าให้สหรัฐฯเข้ามาขายสินค้าในไทยได้มากขึ้น ทั้งในแง่ปริมาณและประเภทสินค้า ซึ่งทีมไทยแลนด์ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ภายใต้หลักการว่า จะเปิดเฉพาะสินค้าที่ “เขาอยากขาย” และ “เราอยากซื้อ” โดยเน้นรายการที่ไทยยังผลิตไม่ได้ หรือผลิตไม่เพียงพอ เช่น พลังงาน วัตถุดิบเกษตร หรือวัตถุดิบอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถกำหนดอัตราภาษีนำเข้าระดับต่ำหรือ 0% โดยไทยได้พยายามปรับข้อเสนอให้ครอบคลุมรายการสินค้านำเข้าที่เปิดตลาดได้ถึงประมาณ 90% แล้ว จากสินค้าทั้งหมดราว 10,000 รายการ โดยในจำนวนนี้มีหลายรายการที่ไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่นอยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบ หากจะเปิดให้สหรัฐฯเข้ามา นอกจากนี้สินค้าที่ราคาภายในประเทศไม่สูง เช่น ลำไย ปลานิล ที่ฝ่ายสหรัฐฯขอเปิดตลาด ก็จะส่งผลต่อราคาผลผลิต หรือรถยนต์พวงมาลัยซ้าย ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี