นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2568 มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชน การผลิตภาคอุตสาหกรรม และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งสอดคล้องกับการปรับลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นทั้งในฝั่งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ นอกจากนี้การใช้จ่ายของภาครัฐ ทั้งในส่วนของรายจ่ายประจำและรายจ่ายเพื่อการลงทุนหดตัวลง เพราะเทียบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 เริ่มมีผล
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 นั้น มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำกว่าครึ่งปีแรกค่อนข้างมาก หรือมีความเสี่ยงที่จะไม่เติบโต เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มหดตัวลึก หลังจากขยายตัวสูงไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก ในขณะที่แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอลงแรง และเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทำได้เพียงในระดับจำกัด นอกจากนี้ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะมีผลกดดันต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ด้วยเช่นกัน
สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารฯใจช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาสแรกปี 2568 ธนาคารฯและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารฯ จำนวน 12,488 ล้านบาท ลดลง จำนวน 1,303 ล้านบาท หรือ 9.45% หลักๆมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงตามภาวะตลาด ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 เปรียบเทียบกับงวด 6 เดือนแรกปี 2567 ธนาคารฯและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้ มีจำนวน 56,847 ล้านบาท ลดลง จำนวน 2,470 ล้านบาท หรือ 4.16% เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานสุทธิหลักๆ และภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและยังคงเผชิญกับความท้าทาย จึงพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 19,868 ล้านบาท เพื่อให้สำรองฯมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2568 มีจำนวน 26,280 ล้านบาท ลดลง จำนวน 260 ล้านบาท หรือ 0.98%
ขณะที่ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 จำนวน 12,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น การตั้งสำรองที่ลดลง สำหรับครึ่งปีแรก 2568 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ จำนวน 25,288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ มีจำนวน 30,404 ล้านบาท ลดลง 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และยอดสินเชื่อโดยรวมที่ลดลง 1.8% ภายใต้การปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ มีจำนวน 10,008 ล้านบาท ลดลง 3.1% จากปีก่อน มีรายได้จากการลงทุนและการค้า มีจำนวน 3,239 ล้านบาท จากกำไรของพอร์ตการลงทุนของธนาคารฯ และของบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน มีจำนวน 17,530 ล้านบาท ลดลง 5.6% จากปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 40. 2%
ด้าน นายวุธว์ ธนิตติราภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารฯสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568) มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,012.6 ล้านบาท ลดลง จำนวน 281.9 ล้านบาท หรือ 21.8% เมื่อเทียบกับผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2567 การลดลงของกำไรสุทธิดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากรายการพิเศษ (one-off items) ได้แก่ การปรับวิธีรับรู้รายได้จากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Interest Rate: EIR) และการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่มเติม (Expected Credit Loss Overlay) ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยไม่ได้เกิดจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่ลดลง ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนถึงความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงของธนาคารฯภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี