‘พล.ต.ต.เอกธนัช’ลาออกรองเลขาฯ ปปง.-ทุกตำแหน่ง‘กสทช.’ เตรียมนั่ง‘ซูเปอร์บอร์ด’

22 กรกฎาคม 2568 พลตำรวจตรีเอกธนัช ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)แจ้งลาออกจากการเป็นข้าราชการประจำ ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง โดยพลตำรวจตรีเอกธนัช เปิดเผยว่า จากผลการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมได้พิจารณาลงมติคัดเลือกให้เป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง ตามมาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 นั้น

ข้าพเจ้าจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ข้าพเจ้าขอลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ดังนี้

(1) ขอลาออกจากข้าราชการ หรือตำแหน่งใด ๆ ที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568

(2) ขอลาออกจากการเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการ

ส่วนท้องถิ่นและไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568

(3) ขอลาออกจากการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอิสระอื่นใดที่อาจมีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ที่วางหลักว่า

(1) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ

(2) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่น

และไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ

(3) ไม่ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอิสระอื่นใดที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ

รวมทั้งข้าพเจ้าขอประกาศลาออกจากการเป็นกรรมการ อนุกรรมการ คณะทำงาน และทุกตำแหน่งของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตลอดจนตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 16.30 เป็นต้นไป