นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ตามที่บลจ.อีสท์สปริง ได้มีจัดตั้งกองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity (ES-USBLUECHIP) ซึ่งกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่คุณภาพดีของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะยาว บลจ.อีสท์สปริง จึงได้ออกกองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity-Unhedged (ES-USBLUECHIP-UH) เพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุน โดยไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ - 25 กรกฎาคม 2568 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท
ทั้งนี้ กองทุน ES-USBLUECHIP-UH จะลงทุนผ่านกองทุนหลัก T. Rowe Price Funds SICAV - US Blue Chip Equity Fund ในหน่วยลงทุนชนิด Class I บริหารจัดการโดย T.Rowe Price (Luxembourg) Management S.à r.l. ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวโดยกระจายการลงทุนในหุ้นที่มีความหลากหลายของบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลาง “blue chip” ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และมีปัจจัยพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคง ผ่านกระบวนการ Bottom Up กระจายการลงทุนในหุ้นประมาณ 75-125 บริษัท (ที่มา: T.Rowe Price Funds SICAV – US Blue Chip Equity Fund Factsheet ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568)
บลจ.อีสท์สปริง มองว่า การลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางในสหรัฐฯ ที่มีนวัตกรรม ทรัพยากร และโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง จะช่วยสร้างศักยภาพการแข่งขัน และทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยหุ้นขนาดใหญ่มักมีประวัติการดำเนินงานมายาวนานและสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวก็ยังรักษาอัตรากำไรซึ่งทำให้พอร์ตลงทุนมีเสถียรภาพ นอกจากนี้หุ้นขนาดใหญ่มักเป็นบริษัทมีเงินสดสำรองสูง หนี้ต่ำ และรายได้มั่นคง ส่งผลให้มีความความสามารถในการฟื้นตัวจากวิกฤตได้เร็ว แม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหลายบริษัทก็ยังสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น
สำหรับรายชื่อหุ้นที่กองทุนหลักถือครองสูงสุด 10 อันดับแรก คือ 1.Microsoft สัดส่วน 9.60% 2.NVIDIA สัดส่วน 9.40% 3.Amazon.com สัดส่วน 9.10% 4.Apple สัดส่วน 8.40% 5.Meta Platforms สัดส่วน 4.80% 6.Alphabet สัดส่วน4.70% 7. Visa สัดส่วน 4.00% 8. Carvana สัดส่วน 3.80% 9.Eli Lilly and Co สัดส่วน 3.30% และ 10. Netflix สัดส่วน 3.20% โดยมีสัดส่วนการลงทุนรายอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. กลุ่ม Information Technology สัดส่วน38.7% 2. กลุ่ม Consumer Discretionary 19.5% 3. กลุ่ม Communication Services 14.6% 4. Financials 10.9% และ 5. กลุ่ม Health Care 8.1% (ข้อมูล: T.Rowe Price Funds SICAV – US Blue Chip Factsheet ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568)
“จุดเด่นของกองทุน ES-BLUECHIP-UH คือ กองทุนหลักมีการบริหารจัดการโดยเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และกลางในสหรัฐฯ ที่มีประวัติการดำเนินงานมายาวนาน ซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันสูงและผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งกองทุนหลักยังมีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ และได้รับการจัดอันดับ Morningstar 4 ดาว ณ วันที่ 31 พ.ค. 2568 ซึ่งสะท้อนเรื่องการบริหารผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดี ตลอดจนทีมงานที่มีประสบการณ์บริหารจัดการกองทุนมาอย่างยาวนานและผู้จัดการกองทุนหลักมีประสบการณ์ด้านการลงทุนมามากกว่า 18 ปี (ที่มา: T.Rowe Price Funds SICAV – US Blue Chip Equity Fund Factsheet ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568) นางสาวดารบุษป์ กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี