นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในพิธีเปิดการสัมมนาใหญ่ “From Trade War To Trade Win : พลิกเกมการค้าฝ่าวิกฤตโลก” จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อเสริมอาวุธสร้างความพร้อมผู้ประกอบการกว่า 500 คน รับมือความท้าทายจากสงครามการค้าและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก พร้อมยกระดับการให้บริการ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการยุคใหม่
ทั้งนี้โลกการค้าในปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เนื่องจากเผชิญปัญหาจากประเทศคู่ค้าสำคัญ ทั้งที่เป็นอุปสรรคและความท้าทายจากสงครามการค้า กฎกติกาการค้าที่ไม่เหมือนเดิม หรือปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนความผันผวนของค่าเงิน ล้วนเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการไทยต้องวางแผนและปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรอบคอบ เพื่อพลิก “วิกฤติ” ให้กลายเป็น “โอกาส” และเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนในเวทีการค้าโลก
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า ในวิกฤติปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์มุ่งมั่นที่จะดูแลและสนับสนุนทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจการค้าของไทย โดยเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” มุ่งดูแลและตอบสนองต่อปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำให้แก่เกษตรกร ผู้บริโภค ผู้ประกอบการทุกระดับ โดยเฉพาะ SMEs
โดยกระทรวงพาณิชย์จะบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมในทุกมิติ สร้างเศรษฐกิจเป็นธรรม และ ก้าวทันสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ต้องทำตัวเหมือนมาเฟีย แต่เป็นมาเฟียที่ปกป้องและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการส่งออก เสริมความเชื่อมั่น และเปิดโอกาสใหม่ให้ทุกภาคส่วน” นายจตุพร กล่าว
อย่างไรก็ตามจากที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ สถานการณ์นี้ต้องอาศัยทีมที่เข้มแข็งและมองภาพรวมอย่างรอบด้าน ทั้งมิติตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ในฐานะที่กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่กำกับดูแลทั้งการค้าภายในประเทศและการส่งออกจะติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนรับมือหากเกิดผลกระทบ ตลอดจนจะมีมาตรการรองรับและแก้ไขปัญหา เพื่อ “เดินหน้าเศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่น สร้างโอกาสใหม่ให้ทุกภาคส่วน” ได้อย่างแท้จริง
นายจตุพร กล่าวต่อว่า กระทรวงพาณิชย์จะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนและเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยได้ทำไว้กับหลายประเทศในปัจจุบันกว่า 14 ฉบับ และที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้าอีก 3 ฉบับอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเร่งเจรจา FTA กับประเทศและกลุ่มประเทศเป้าหมายใหม่ๆให้สำเร็จโดยเร็ว รวมถึงพัฒนากรอบ FTA ที่มีอยู่ให้ทันสมัย เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และรูปแบบการค้าในอนาคต เพื่อก้าวขึ้นไปสู่การเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งบนเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี