นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่าได้นำทีมพาณิชย์ ประกอบด้วยนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูง เข้าหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะผู้บริหาร ณ ห้องประชุม Passion (802) ชั้น 8 อาคาร ส.อ.ท. ทั้งนี้ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ การผลักดันความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน และการกำหนดแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งภาษีของสหรัฐฯ มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะจับมือกับ ส.อ.ท. บูรณาการความร่วมมือ โดยจะร่วมกันร่างปฏิญญาความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และส.อ.ท. เพื่อแก้ปัญหาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ พร้อมติดตามความคืบหน้าทุก 10 วัน เพราะวันนี้ ต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ กระทรวงพาณิชย์พร้อมเปิดใจ รับฟัง และทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ทีมไทยแลนด์ต้องเดินหน้าอย่างเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ให้เกิดขึ้นจริง
“กระทรวงพาณิชย์ ต้องเป็นพาณิชย์หนึ่งเดียว จับมือกับ FTI ONE บูรณาการความร่วมมือ โดยจะร่วมกันร่าง ‘ปฏิญญาความร่วมมือ’ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และ ส.อ.ท. เพื่อแก้ปัญหาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ พร้อมติดตามความคืบหน้าทุก 10 วัน” นายจตุพรกล่าว
สำหรับข้อเสนอของ ส.อ.ท. ส่วนใหญ่สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ที่ตนได้ให้นโยบายในการทำงานเอาไว้ ซึ่งจะรับไว้และนำไปขับเคลื่อนต่อไป โดยมีเป้าหมายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การใช้กลยุทธ์ Soft Power และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทุกภาคส่วน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมพร้อมสนับสนุนการทำงานของกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาล โดยได้เสนอแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดูแลผู้ประกอบการไทย 5 ประเด็นสำคัญ ซึ่งต้องเดินร่วมกันให้เป็นทีมไทยแลนด์ เพราะในวันนี้มีทั้งวิกฤตและโอกาส
โดย 1.ผลักดันมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการจากผลกระทบภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) โดยขอให้ภาครัฐสนับสนุนด้านกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญแก่ผู้ประกอบการ SME ลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O)
2.เร่งการเจรจาลดภาษีรายสินค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะภายใต้มาตรา 232 ที่ยังจัดเก็บภาษีสูงในสินค้าสำคัญ เช่น เหล็ก อลูมิเนียม ยานยนต์ และชิ้นส่วน
3.ดำเนินมาตรการเชิงรุก ลดผลกระทบ Trade Diversion เสนอให้ภาครัฐสามารถริเริ่มกระบวนการใช้มาตรการทางการค้าโดยไม่ต้องรอให้เอกชนยื่นเรื่อง ใช้เครื่องมือทางการค้าให้ครบถ้วน เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) การปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (SG) และการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) และพิจารณาควบคุมการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มสูงผิดปกติ ตาม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522
4.ส่งเสริมการเปิดตลาดใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไทย โดยเร่งเจรจา FTA ฉบับใหม่ ๆ เช่น ไทย–ยูเรเซีย (EAEU) สนับสนุนโครงการ SME Pro-active และกิจกรรม Trade Mission และเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในสินค้าไทย (Made in Thailand: MiT)
5.สร้างระบบนิเวศการค้าชายแดนเพื่อการเติบโตระยะยาว โดยขอให้ภาครัฐร่วมบูรณาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการ และการค้าชายแดนอย่างครบวงจร
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี