สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ จัดงานสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาจากการดำเนินงาน “โครงการศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางการค้าสินค้าปศุสัตว์ (โคเนื้อและโคนม)” พร้อมการเสวนาพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายภาคส่วน ในหัวข้อ “โคไทยก้าวไกล สู่ตลาดโลก: เส้นทางสู่ความยั่งยืนของโคเนื้อและโคนมไทย” เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น โฮเทล จังหวัดนนทบุรี
นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาฯ ว่าตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การค้าสินค้าปศุสัตว์ของโลกและไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ในปี 2567 ความต้องการบริโภคเนื้อโคของโลก อยู่ที่ 59.55 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีความต้องการ 56.05 ล้านตัน (ข้อมูลจาก USDA) แต่ไทยยังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมโคเนื้อที่ประสบปัญหาด้านราคา ความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการฟาร์ม โรคระบาดเมืองร้อน ต้นทุนการผลิตสูง การแข่งขันกับเนื้อโคนำเข้า การปรับการผลิตเป็นระบบอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ
ขณะที่อุตสาหกรรมโคนมก็ประสบปัญหาไม่ต่างกัน ด้วยต้นทุนการผลิตสูง และฟาร์มรายย่อยต้องปรับตัวให้แข่งขันได้ในระยะยาว ส่งผลให้ทั้งสองอุตสาหกรรมควรเพิ่มศักยภาพและสร้างเสถียรภาพในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ สนค. จึงได้ดำเนินโครงการศึกษาฯ โดยมุ่งวิเคราะห์เชิงลึกถึงสถานการณ์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของอุตสาหกรรมโคเนื้อและโคนมไทยในทุกมิติ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่สามารถนำไปใช้จริงในการผลักดันให้อุตสาหกรรมโคของไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
รองผอ.สนค. กล่าวว่า งานสัมมนาฯ ครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่ภาคส่วนต่าง ๆ จะได้รับทราบผลการศึกษาและข้อเสนอเชิงนโยบายฯ ซึ่งครอบคลุมข้อเสนอสำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อและโคนมไทยอย่างรอบด้าน โดยข้อเสนอเชิงนโยบายฯ แบ่งเป็น 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ (1) การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งด้านการผลิต มุ่งเน้นยกระดับประสิทธิภาพการเลี้ยงและลดต้นทุน (2) การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งด้านราคา ส่งเสริมกลไกราคาที่เป็นธรรมและลดความผันผวน (3) การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยี ผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน และ (4) การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางด้านการตลาด โดยขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีแนวทางสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเนื่องเพื่อให้เชื่อมโยงและพัฒนาได้อย่างครบวงจร ต่อยอดสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในระยะยาว
สำหรับครึ่งแรกของปี 2568 (มกราคม – มิถุนายน) ไทยมีการนำเข้าเนื้อโคสด แช่เย็น และแช่แข็ง เป็นปริมาณ 16,496.6 ตัน คิดเป็นมูลค่า 5,200.6 ล้านบาท มูลค่าการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 26.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า โดยมีแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น
ในส่วนของสินค้านมและผลิตภัณฑ์ (นม ครีม โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ เวย์ เนย ชีส และเคิร์ด) ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของอาเซียน ครึ่งแรกของปี 2568 ไทยส่งออกเป็นปริมาณ 138,799.1 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6,451.0 ล้านบาท ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ สินค้าส่งออกสำคัญ คือ สินค้ากลุ่มโยเกิร์ตและบัตเตอร์มิลค์ รองลงมา คือ นมและครีมที่ไม่ทำให้เข้มข้นและไม่เติมความหวาน ขณะที่ไทยนำเข้าเป็นปริมาณ 165,408.9 ตัน คิดเป็นมูลค่า 18,291.9 ล้านบาท มีแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้า คือ นมและครีมที่ทำให้เข้มข้นหรือเติมความหวาน รวมถึงนมผง รองลงมา คือ สินค้ากลุ่มชีสและเคิร์ด
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี