เศรษฐกิจ CLMV มีแนวโน้มชะลอตัว

เศรษฐกิจ CLMV มีแนวโน้มชะลอตัว

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 11.15 น.

SCB EIC ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV จะเผชิญกับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ท่ามกลางแรงกดดันจากการค้าโลกที่ชะลอตัว

เศรษฐกิจ CLMV มีแนวโน้มชะลอตัว 


นางสาวกุศลิน จารุชาต   นักเศรษฐศาสตร์ SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV จะชะลอลงเหลือ 5.1% ในปี 2025 จาก 6.3% ในปี 2024 สอดคล้องกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการค้าโลก

แม้ประเทศใน CLMV จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกันและเจอปัจจัยภายนอกจากสงครามค้าโลกเหมือนกัน แต่แต่ละประเทศอาจเผชิญความเสี่ยงที่แตกต่างกัน : อัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นภายใต้นโยบาย Trump 2.0 เป็นปัจจัยสำคัญ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV ที่พึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา นอกจากนี้ ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งด้านการค้าโลกและการแข่งขันจากสินค้าราคาถูกของจีน รวมถึงปัจจัยท้าทายเฉพาะของแต่ละประเทศที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ

ปัจจัยเสี่ยงด้านต่ำของประเทศต่าง ๆ ยังคงอยู่ : ความไม่มั่นคงทางการเมืองและผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเมียนมา ความตึงเครียดบริเวณชายแดนของกัมพูชา ความเปราะบางด้านหนี้ต่างประเทศของ สปป.ลาว ล้วนเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคภายในประเทศและบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

เวียดนามมีการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นในกลุ่ม CLMV : เวียดนามจะได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียน ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง และการริเริ่มนโยบายปฏิรูปหลายด้าน

การค้าและการลงทุนของไทยใน CLMV ชะลอตัว : ผลจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนแอลง ความไม่แน่นอนทางการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศที่สูงขึ้น

เศรษฐกิจ CLMV ชะลอตัวท่ามกลางความเสี่ยงหลายด้านและแรงกดดันภายในประเทศ

SCB EIC คาดว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ CLMV จะชะลอตัวลงเหลือ 5.1% ในปี 2025 จาก 6.3% ในปี 2024 เนื่องจากอัตราภาษีของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นภายใต้นโยบาย Trump 2.0 ซึ่งส่งผลกระทบต่อโมเดลการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชาที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ การไหลเข้าของสินค้าราคาถูกจากจีนยังทำให้การผลิตในประเทศและความสามารถในการแข่งขันลดลง ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลต่อการเติบโตของ CLMV ด้วยเช่นกัน

ในปี 2025 SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV จะชะลอตัวลง โดยกัมพูชาคาดว่าจะเติบโตที่ 3.9% (ลดลงจาก 6.0% ในปี 2024), สปป.ลาว 3.6% (จาก 4.3%), และเวียดนาม 6.3% (จาก 7.1%) ขณะที่เศรษฐกิจของเมียนมาคาดว่าจะหดตัวที่ -0.5% (จากปีก่อนที่ขยายตัว 2.3%)

เศรษฐกิจกลุ่มประเทศ CLMV จะเผชิญกับความเสี่ยงจากภายนอกตามการพึ่งพาการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ รวมถึงความท้าทายเฉพาะของแต่ละประเทศ เช่น เวียดนามและกัมพูชามีความเสี่ยงด้านการค้าโลกจากการพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ สูง ขณะที่เมียนมา กัมพูชา และสปป.ลาว เผชิญความเสี่ยงภายในประเทศ เช่น ความไม่มั่นคงทางการเมืองและเหตุแผ่นดินไหว ความขัดแย้งบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา เสถียรภาพด้านต่างประเทศที่เปราะบางใน สปป.ลาว ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ดี บางประเทศมีความเปราะบางด้านเศรษฐกิจมหภาคและการเงิน เช่น การใช้เงินดอลลาร์สหรัฐบางส่วนในระบบเศรษฐกิจบางประเทศ จึงอาจได้รับผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

ถึงแม้จะเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านี้ แต่ปัจจัยสนับสนุนในช่วงครึ่งปีแรกอาจช่วยพยุงเศรษฐกิจบางส่วนได้ โดยเฉพาะการเร่งส่งออกล่วงหน้า ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจอาเซียนจะยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวและการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV ได้ในระดับหนึ่ง

ปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศ

เศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค CLMV โดยได้รับแรงหนุนจากบทบาทศูนย์กลางการผลิตที่น่าดึงดูดปัจจัยการย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศที่เข้มแข็งขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เจรจาจบได้ก่อนและมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLM และสิทธิประโยชน์จูงใจเม็ดเงินลงทุน เช่น จำนวนข้อตกลงการค้าเสรี (FTAs) และนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงรุก

เศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะชะลอตัวลงจากผลกระทบของอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูง และการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก รวมถึงแรงกดดันเพิ่มเติมจากการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนราคาถูก ความตึงเครียดบริเวณชายแดนกับไทยที่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ จะก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม การส่งออกและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งในช่วงต้นปี 2025 ยังช่วยพยุงเศรษฐกิจในภาพรวมของทั้งปีไว้ได้บ้าง ขณะที่เสถียรภาพทางการคลังยังเอื้อให้ภาครัฐสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้หากจำเป็น

สปป.ลาว อาจจะเผชิญกับความเสี่ยงทางตรงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไม่มากนัก แต่เศรษฐกิจภายในยังคงมีข้อจำกัดจากปัญหาหนี้ต่างประเทศสะสมสูงและภาคการเงินที่ยังเปราะบางจากปัญหาหนี้เสีย แม้สถานการณ์เงินเฟ้อสูงและปัญหาเงินกีบที่อ่อนค่าเร็วจะปรับดีขึ้นบ้าง รวมถึงความสามารถในการรองรับแรงกระแทกจากภายนอกที่ทยอยเพิ่มขึ้นสะท้อนจากสัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเทียบมูลค่านำเข้าต่อเดือน แต่ปัญหาความเปราะบางเชิงโครงสร้างเหล่านี้ยังคงเป็นแรงกดดันเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

เศรษฐกิจของเมียนมาคาดว่าจะหดตัวในปีนี้ เนื่องจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ความขัดแย้งภายในที่ยังคงดำเนินอยู่ และเหตุแผ่นดินไหวล่าสุด ยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจและบั่นทอนการบริโภคและการลงทุน ภายใต้ข้อจำกัดด้านนโยบายการเงินและพื้นที่ทางการคลัง รวมถึงสัดส่วนหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระดับสูง โอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจึงมีค่อนข้างจำกัด

การค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV มีทิศทางชะลอตัว

นายภาวัต แสวงสัตย์  นักเศรษฐศาสตร์ SCB EIC คาดว่าแนวโน้มการค้าระหว่างไทยกับประเทศ CLMV จะชะลอลง จากอุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนในระบบการค้าโลก ความตึงเครียดบริเวณชายแดนกัมพูชากับไทย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านลบมากขึ้น แม้มูลค่าเม็ดเงินลงทุนทางตรงไหลออกจากไทยไปยังภูมิภาค CLMV กลับมาสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 แล้ว และกระจายไปในหลายสาขาธุรกิจ เช่น สาขาการเงิน การประกันภัย และการผลิตอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและความระมัดระวังของนักลงทุนในบรรยากาศโลกเช่นนี้ อาจทำให้แนวโน้มการลงทุนจากไทยชะลอตัวลง

ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงหลายด้าน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว แต่หากการปิดด่านชายแดนยังคงยืดเยื้ออาจกดดันแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยวอาจชะลอตัวลงจากความไม่มั่นคงหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น อย่างไรก็ตาม หากแรงงานกัมพูชาในไทยทยอยเดินทางกลับประเทศมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานไทยจำกัด เนื่องจากยังสามารถหาแรงงานสัญชาติอื่นทดแทนได้

บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/clmv-outlook-july25

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top