นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 ว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเติบโต โดยมียอดขายและกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยยอดขาย 1,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 เปอร์เซ็นต์ หากเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของยอดขายตลาดในประเทศ เมื่อวิเคราะห์รายผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหารกุ้ง ทำยอดขาย 929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 เปอร์เซ็นต์ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากตลาดในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการขยายส่วนแบ่งตลาด ทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และขยายฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ผลิตภัณฑ์อาหารปลา บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2 เปอร์เซ็นต์ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายอาหารปลากะพงที่เติบโตถึง 29.1 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงอาหารปลาประเภทอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 16.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ในการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด ตอกย้ำความเป็นผู้นำอาหารสัตว์น้ำของบริษัทฯ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่ง จากการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับต่ำเพียง 0.08 เท่า ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งเช่นกัน โดยมียอดขาย 2,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3 เปอร์เซ็นต์ และมีกำไรสุทธิ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดผลการดำเนินงาน
ครึ่งปีแรกของปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 92 เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มว่า สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโต 7-9 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักธุรกิจอาหารกุ้งและปลาที่โตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน TFM พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้น โดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากการบริหารพอร์ต การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ตลอดจนการจัดการต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเดินหน้าบริหารอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย เพื่อสร้างสมดุลในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนตามแผนการเติบโตระยะยาว เพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้รวม 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯ ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย โดยเน้นการขยายกำลังการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัยยิ่งขึ้น อีกทั้ง TFM ยังพร้อมเปิดรับโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การขยายตลาด และการหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยอาศัยจุดแข็งด้านกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และโครงสร้างหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารเงินทุนและสนับสนุนการขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคงในอนาคต
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี