ปัจจุบันองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความก้าวหน้าและทันสมัย ทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนแบบไร้แผล (Endoscopic Ultrasound-Guided Radiofrequency Ablation, EUS–RFA) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาแทนการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำกิจวัตรประจำวัน รับประทานอาหารได้ตามปกติ และกลับบ้านได้ภายใน 24 – 48 ชั่วโมง จากความสำคัญดังกล่าว บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 18 ล้านบาท แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร เพื่อจัดหาเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อน ทำให้ทีมแพทย์เป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยี EUS-RFA ในการทำลายเนื้องอกตับอ่อนแบบไร้แผลได้สำเร็จเป็นแห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
เทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล เป็นนวัตกรรมที่ผสานการส่องกล้องอัลตราซาวด์ผ่านทางเดินอาหาร (Endoscopic Ultrasound – Guided, EUS) เข้ากับการใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Ablation, RFA) เพื่อรักษาเนื้องอก หรือรอยโรคภายในอวัยวะในช่องท้อง โดยเฉพาะตับอ่อน ตับ ต่อมน้ำเหลือง และทางเดินน้ำดี ด้วยความแม่นยำสูง ภายใต้การมองเห็นแบบ Real–time ทำให้สามารถระบุตำแหน่งรอยโรคและส่งเข็มพิเศษที่มีขั้ว RFA เข้าไปยังเป้าหมายโดยตรง จากนั้นปล่อยพลังงานความร้อน เพื่อทำลายเนื้องอกเฉพาะจุด โดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียงมากนัก ที่สำคัญยังใช้เวลาในรักษาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง และยังสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น อาทิ เคมีบำบัด หรือใช้เป็นการรักษาหลักในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้อีกด้วย
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทกัลฟ์มีความมุ่งมั่นสนับสนุนการศึกษาและสาธารณสุขมาโดยตลอด โดยเฉพาะการจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลของรัฐ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมมอบเทคโนโลยีนี้ให้กับโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้จำนวนมาก การสนับสนุนในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมความพร้อมด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของทีมแพทย์ เราหวังว่าผู้ป่วยจะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และโรงพยาบาลจะมีศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในระยะยาว นำมาซึ่งสุขภาพกายที่แข็งแรงและประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยและโรงพยาบาล”
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อํานวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้รักษาผู้ป่วยมาหลายปี และได้รับผลลัพธ์ที่ดี การจัดงานในวันนี้มีขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน แพทย์ และพยาบาล เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีส่องกล้องรักษาเนื้องอกตับอ่อนโดยไม่ต้องผ่าตัด เราขอขอบคุณ GULF ที่ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งมาโดยตลอด”
รศ.นพ.ประเดิมชัย คงคำ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยโรคตับอ่อน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และผู้ช่วยอธิการบดีด้านแผนและงบประมาณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันการรักษาแบบมาตรฐานของโรคเนื้องอกตับอ่อน คือ การผ่าตัดเปิดหน้าท้องเพื่อนำเนื้องอกออก ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่ ซับซ้อน ใช้เวลานาน 6 – 8 ชั่วโมง เสี่ยงต่อการเสียเลือดและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ บางรายต้องดูแลต่อในห้องผู้ป่วยวิกฤต
“เนื่องจากตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกตับอ่อน จะมีปริมาณอินซูลินสูงกว่าปกติ จึงมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำตลอดเวลา ในรายที่อาการไม่มากอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย เวียนศรีษะ หิวบ่อย มือสั่น ในสั่น เหงื่อแตก หรือผู้ป่วยบางรายต้องรับประทานอาหารบ่อยถึงวันละ 6 มื้อ เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บางรายที่มีอาการมาก อาจจะรุนแรงถึงชักหรือหมดสติได้ ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงได้นำเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนมาใช้ในผู้ป่วยกลุ่มนี้แทนการผ่าตัด ทำให้ฟื้นตัวเร็ว และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ทำกิจวัตรประจำวันและรับประทานอาหารได้ตามปกติ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง การรักษาด้วยเทคโนโลยีนี้ถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทยและในอาเซียน”
ผู้ป่วยท่านหนึ่งที่ได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล บอกว่า “ตนมีอาชีพเป็นช่างทำเล็บ เวลาทำงานจะรู้สึกเหนื่อยเร็ว บางครั้งมีอาการใจสั่น เหงื่อแตก รวมถึงหน้ามืด วูบ หมดสติ แต่หากได้ดื่มน้ำหวาน หรือกินของหวานจะรู้สึกดีขึ้น ที่แรกก็คิดว่าแค่น้ำตาลตก แต่เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พบว่าตนเป็นเนื้องอกในตับอ่อน ซึ่งค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ 2 – 3 แสนบาท จนได้รับการส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย”
“ก่อนหน้านั้นได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา และพบว่าที่โรงพยาบาลจุฬาฯ มีเครื่องมือที่สามารถทำลายเนื้องอกตับอ่อนแทนการผ่าตัดได้ จึงได้ปรึกษาคุณหมอเพื่อเปรียบ จนสุดท้ายจึงเลือกการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล เนื่องจากใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน ตนต้องทำงาน ที่สำคัญหลังจากทำแล้วสามารถกิจวัตรประจำวัน และรับประทานอาหารได้ตามปกติอีกด้วย”
เช่นเดียวกับผู้ป่วยอีกท่านที่ได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล บอกว่า “ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และมหาวิทยาลัย ตนจะมีอาการมึนงง ใจสั่น และบางครั้งมีอาการหน้ามืด วูบ หมดสติ ปีหนึ่งเป็นมากกว่า 3 – 4 ครั้ง จนล่าสุดเมื่อปี 2566 มีการวูบหมดสติ และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งหลังจากทำ CT Scan เพื่อตรวจหาความผิดปกติอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายพบกว่ามีเนื้องอกที่ตับอ่อน จึงทำการรักษาด้วยการผ่าตัด”
“หลังจากการผ่าตัดประมาณ 5 วัน พบว่าตัวเองยังมีอาการเบลอ มีภาวะน้ำตาลต่ำอยู่ตลอด และต้องให้น้ำเกลืออยู่เป็นเดือน จนได้รับการส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งหลังจากจากทำ CT Scan และ MRI อย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าเนื้องอกในตับอ่อนยังมีหลงเหลืออยู่ และหากใช้วิธีการผ่าตัดจะมีความเสี่ยงต่อร่างกาย จึงได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อน ซึ่งเวลาพักฟื้นน้อยมาก ประมาณ 2 วัน เมื่อเทียบกับการผ่าตัดก่อนหน้านั้น และสามารถทำงาน ทำกิจวัตรช่วยเหลือตัวเองได้ ที่สำคัญไม่ต้องกินอาหาร หรือของหวานบ่อย ๆ อีกต่อไป”
ถึงตรงนี้ รศ.นพ.ประเดิมชัย บอกว่า เทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผลนี้ได้รับการพัฒนาเมื่อไม่นานมานี้ ราว 3 – 5 ปี และโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นหน่วยงานแห่งแรก ๆ ของโลกที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีนี้ในการรักษาผู้ป่วย ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่ทำให้เรามีเครื่องไม้เครื่องมือในการดูแลและรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังต้องติดตามการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวในระยะยาว รวมถึงขยายผลการรักษานี้ไปยังผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ ทักษะ ในการใช้เทคโนโลยีนี้ให้กับแทพย์ในประเทศไทยต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา GULF มีความมุ่งมั่นตอบแทนสังคมภายใต้แนวคิด “Powering the Future, Empowering the People” โดยให้ความสำคัญในด้านสาธารณสุข การศึกษา และสิ่งแวดล้อม ในด้านสาธารณสุข GULF เน้นสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลต่าง ๆ ผ่านการมอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในระยะยาว รวมถึงดำเนินโครงการด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง อาทิ มอบทุนการศึกษาให้ผู้ป่วยในความดูแลของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และโครงการทันตกรรมเคลื่อนที่ GULF Sparks Smiles ปีที่ 5 ที่ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกหน่วยทำฟันฟรีให้กับคนในชุมชนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพสำหรับประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี