นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกรมส่งเสริมการเกษตร และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ทั้งสามหน่วยงานได้ร่วมกันมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการให้แก่วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ทั้งในส่วนของการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการและการจัดทำบัญชี การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านกลยุทธ์การบริหารจัดการธุรกิจ การตลาด และการสร้างแบรนด์
ในปี 2568 ได้ร่วมกันคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนเป้าหมายที่จะลงพื้นที่ไปให้ความรู้เชิงลึกรวม 6 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินการ ไปแล้วจำนวน 2 ครั้ง ใน 2 พื้นที่ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 และวิสาหกิจชุมชนเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตำบลลำไทย อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นับเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยได้เลือกวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะกก จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนใหม่ที่ได้เข้าร่วมรับการสนับสนุนเป็นครั้งแรก ดังนั้นการทำงานจะเน้นการให้องค์ความรู้ด้านการบัญชี การบริหารจัดการ และการตลาดออนไลน์อย่างเข้มข้น โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ประกอบด้วย นางสาวจุฑามณี ยอดแสง ผู้อำนวยการกองกำกับบัญชีธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายจักรพงษ์ ชินกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ฟายด์ โฟล์ค จำกัด และผู้แทนจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการฐานรากนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ของตนเอง และสามารถปรับตัวรองรับการค้ายุคใหม่ได้อย่างมืออาชีพ
วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะกก จังหวัดระยอง มีจุดเริ่มต้นจากคุณลุงสนม วงศ์เนิน ชาวนาคนสุดท้ายของมาบตาพุด ที่มีแนวคิดในการรวมกลุ่มเพื่อรักษาวิถีชีวิตเกษตรกรรม โดยดำเนินกิจการปลูกข้าวพันธุ์ต่างๆ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด ข้าวกล้องหอมนิล และข้าวหอมมะลิ รวมถึงการแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์สแน็คบาร์ นอกจากนี้ยังมีการทำสมุนไพร ลูกประคบ และหมอน ซึ่งสร้างรายได้จากการแปรรูปเป็นจำนวนมาก จนพัฒนาเป็นบริษัท วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพเกาะกก จำกัด ในปัจจุบัน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานพันธมิตรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการให้แก่วิสาหกิจชุมชนนี้ จะช่วยให้วิสาหกิจชุมชนมีระบบการบริหารจัดการงานหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี เช่น ระบบการจัดทำบัญชีผ่าน Cloud accounting พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยการสร้างเรื่องราวและแบรนด์ที่โดดเด่น ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ นำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งสามหน่วยงานจะจับมือกันอย่างเหนียวแน่นเพื่อเดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะขยายผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการนี้ไปยังวิสาหกิจชุมชนรายอื่น รวมถึงผู้ประกอบการและสถาบันการศึกษาในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ซึ่งการได้รับความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการบริหารจัดการและการทำบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้วิสาหกิจชุมชนสามารถดำเนินธุรกิจและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน อธิบดีอรมน กล่าวย้ำในตอนท้าย
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี