นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมฯได้ลงนามสัญญาจ้างโครงการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการยกระดับสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของประเทศ
ทั้งนี้จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงสนับสนุนการเป็นประตูการค้าการลงทุน และยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี, แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 7, แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และแผนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ
ในการกำเนินโครงการดังกล่าว สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ที่ได้อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการก่อสร้างโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างทางยกระดับแนวใหม่ขนาด 4 ช่องจราจร และขยายช่องทางจราจรเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะช่วยลดระยะทางจากการเดินทางโดยทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงพัทยา-มาบตาพุด สู่สนามบินอู่ตะเภา จากเดิม 5 กิโลเมตร เหลือเพียง 1.92 กิโลเมตร รวมถึงปรับปรุงการเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท)
อย่างไรก็ตามโครงการนี้จะช่วยให้ประชาชนเดินทางเข้า-ออกสนามบินอู่ตะเภาได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รองรับ EEC ให้เป็นเมืองท่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินและเมืองธุรกิจที่สำคัญของไทย
สำหรับรูปแบบโครงการครอบคลุมการก่อสร้างทางยกระดับแนวใหม่ขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 1.92 กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างทางบริการใต้ทางยกระดับ รวมถึงช่องทางเลี้ยวและทางแยกต่างระดับบริเวณจุดตัดกับทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) โดยมีจุดเริ่มต้นจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ช่วงพัทยา – มาบตาพุด กม.ที่ 148+328 ไปจนถึงบริเวณทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3 พร้อมทั้งทำการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ระหว่าง กม.ที่ 186+350 ถึง กม.ที่ 192+000 โดยขยายจาก 4 ช่องจราจร เป็น 8 ช่องจราจร รวมระยะทาง 5.65 กิโลเมตร
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคทม 2568 กรมฯได้ทำการลงนามสัญญาจ้างกับผู้รับจ้างจำนวน 2 สัญญา ประกอบด้วย: 1.สัญญาจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (Construction Supervision Consultant, CSC) กับกิจการค้าร่วม (Consortium) ประกอบด้วย Epsilon Co., Ltd., Index International Group Public Company Limited และ Decade Consultants Co., Ltd. วงเงินสัญญา 125,847,000 บาท และ2.สัญญาจ้างก่อสร้าง กับ Sino-Thai Engineering & Construction Public Company Limited (STECON) วงเงินสัญญา 2,651,988,700 บาท โดยทั้ง 2 สัญญาเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณของราชอาณาจักรไทย และเงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank, ADB)
นายอภิรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯได้ดำเนินการตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใส โดยมีการประกวดราคานานาชาติ และโครงการได้เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โครงการนี้มีระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญาอยู่ที่ 3 ปี โดยได้ดำเนินการเวนคืนที่ดินเสร็จสิ้น 100% แล้ว คาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในเดือนกันยายน 2568 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2571
ทั้งนี้เมื่อโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาแล้วเสร็จ จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาว สามารถลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ประกอบการและประชาชน โดยการลดระยะทางเข้าสู่สนามบินอู่ตะเภา และการขยายช่องจราจรจะช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดปัญหาการจราจรติดขัด สนับสนุนการพัฒนา EEC ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการลงทุน การค้า และการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น
โดยสอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการบินและเมืองธุรกิจที่สำคัญของไทย รองรับการเดินทางแบบไร้ร้อยต่อระหว่างสนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง และการเดินทางทางถนน นับเป็นการเชื่อมต่อที่สะดวกสบายจะช่วยสนับสนุนให้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา กลายเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 อย่างเต็มศักยภาพ รองรับปริมาณผู้โดยสารและสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้ามาในพื้นที่ ส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม การค้า และบริการ พร้อมทั้งการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในอนาคต
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี