นายพุฒิพันธ์ เตยะราชกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล หรือ NCAP เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 2/2568 เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนกลยุทธ์การขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้ออย่างมีคุณภาพ และการบริหารต้นทุนท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง สนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 146.60  ล้านบาท เพิ่มขึ้น  97.26 ล้านบาท หรือ 197.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  

ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่  536.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  34.95 ล้านบาท หรือ  6.96% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โตต่อเนื่องตามพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ โดยรายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ (Hire Purchase) อยู่ที่  408.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  6.14% จากการขยายพอร์ตสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ อยู่ที่  73.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  11.96% ส่วนรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น  5.67% จากรายได้หนี้สูญได้รับคืนเพิ่มขึ้น จากการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในด้านต้นทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง  78.68 ล้านบาท หรือคิดเป็น  40.09% จาก Overdue และ NPL ที่ลดลงต่อเนื่อง ส่วนต้นทุนทางการเงินลดลงจากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ ยังส่งผลให้ภาพรวมงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 NCAP มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 280.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203.04 ล้านบาท หรือ 260.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 1,066.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.83 ล้านบาท หรือ 6.47%

ทั้งนี้ ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทปล่อยสินเชื่อใหม่รวมจำนวน 3,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเน้นการขยายพอร์ตหลักอย่างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ (HP) ปล่อยสินเชื่อไปแล้วที่ 3,138 ล้านบาท สินเชื่อจำนำทะเบียนเล่มรถจักรยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ “Next Money” ปล่อยสินเชื่อดีกว่าคาด อยู่ที่ 14 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยต่อเนื่อง และไม่มีการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกแล้ว ทำให้พอร์ตสินเชื่อรวม (AR) อยู่ที่ 10,097 ล้านบาท

บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อให้อยู่ในเกณฑ์ดี โดย NPL ลดลงต่อเนื่องในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี หรืออยู่ที่ 1.39%

สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังยังเดินหน้าตามเป้าหมาย คาดปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2568 เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดปล่อยอยู่ที่ 5,690 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกนี้ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 จึงคาดว่าครึ่งปีหลังตลาดรถจักรยานยนต์จะยังเติบโตเหมือนครึ่งปีแรก ทำให้มั่นใจสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย รวมถึงยังได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของกลุ่มดีลเลอร์พันธมิตร

“แม้เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความผันผวน ทั้งในแง่ต้นทุนค่าครองชีพและภาระหนี้เดิมของผู้บริโภค แต่บริษัทขยายพอร์ตสินเชื่อได้อย่างมีคุณภาพ สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการได้ดี นำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการคัดกรองลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และมีระบบการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ NPL และค่าใช้จ่ายรวมลดลงต่อเนื่อง  ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลดีต่อ NCAP ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง บริษัทยังมุ่งมั่นขยายฐานลูกค้าใหม่ ปั้น Next Money ให้กลายเป็น Growth engine ใหม่ของบริษัท” นายพุฒิพันธ์กล่าว