ปอร์เช่ เผยโฉม 911 Cup รุ่นใหม่ล่าสุด รถแข่งวันเมคคัพสายพันธุ์แท้ พร้อมลุยศึก Porsche Mobil 1 Supercup, Carrera Cup และรายการภายใต้การรับรองของปอร์เช่ทั่วโลก โดยจะเริ่มลงแข่งขันอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2026
911 คัพ (911 Cup) รถแข่งรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล 911 สำหรับรายการวันเมคคัพและซีรีส์ระดับสากล โดยใช้ชื่อใหม่ที่เป็นไปตามมาตรฐานการตั้งชื่อรถแข่งลูกค้าของปอร์เช่ เพื่อความชัดเจนและเป็นหนึ่งเดียว สำหรับรถแข่งที่ลงแข่งในรายการแบบเปิดยี่ห้อ หรือ กลุ่มเฉพาะ จะใช้ชื่อที่ลงท้ายด้วย “GT” ตามด้วยหมายเลข เช่นเดียวกับ 911 GT3 R รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวพร้อมกันในครั้งนี้
โดย 911 คัพ รุ่นใหม่นี้ พัฒนามาจากรถสปอร์ต 911 จีที รุ่นที่สามารถวิ่งบนถนนได้จริง และผลิตพร้อมกับรถรุ่นมาตรฐาน ที่โรงงานหลักของปอร์เช่ ในเมืองซุฟเฟนเฮาเซน ซึ่งแนวทางนี้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มสายการผลิตปลายปี 2020 จนถึงปัจจุบัน ปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต (Porsche Motorsport) ผลิต 911 จีที 3 คัพ (911 GT3 Cup) รุ่นปัจจุบันไปแล้ว 1,130 คัน และหากนับรวมทั้งหมดปอร์เช่ได้ผลิตรถแข่ง 911 สำหรับการแข่งขันวันเมคเรซมาแล้วถึง 5,381 คัน
911 คัพ รุ่นใหม่โดดเด่นจากรุ่นก่อนทันทีที่เห็น โดยเฉพาะด้านหน้าที่ถ่ายทอดเส้นสายจาก 911 จีที 3 เจเนอเรชัน 992.2 อย่างชัดเจน สปอยเลอร์หน้าถูกออกแบบเป็น 3 ชิ้นแยก ช่วยลดค่าซ่อมและขนส่งเมื่อเกิดความเสียหาย เพราะสามารถเปลี่ยนเฉพาะจุดได้ การถอดเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ออก ก็เพื่อลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของหม้อน้ำด้านหลัง และประหยัดเวลาในการบำรุงรักษา ซุ้มล้อหน้าเพิ่มช่องระบายอากาศแบบบานเกล็ด ช่วยให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น เสริมแรงกดที่เพลาหน้าร่วมกับแผงใต้ท้องรถที่ออกแบบให้ลู่ลมยิ่งขึ้น และแผงบังคับทิศทางลม (turning vanes) หลังซุ้มล้อหน้า เพื่อให้การควบคุมแม่นยำ โดยเฉพาะขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
ด้านหลังถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ให้ดุดันยิ่งขึ้น ปีกหลังแบบ swan-neck ปรับขาตั้งใหม่ให้ใช้งานสะดวก ฝาครอบห้องเครื่องและชิ้นส่วนตัวถังส่วนใหญ่ รวมถึงประตู ผลิตจากผ้าคาร์บอนรีไซเคิลผสมเรซินชีวภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและควบคุมต้นทุนอะไหล่ได้ดีขึ้น
เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ (NA) พัฒนาจากขุมพลังของ 911 จีที 3 รุ่นถนน แต่ในเวอร์ชั่นสนามนี้ กำลัง 382 กิโลวัตต์ (520 แรงม้า) เพิ่มขึ้น 10 แรงม้า แม้สมรรถนะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงความทนทานใช้งานได้ถึง 100 ชั่วโมงในสนาม พร้อมชุดท่อไอเสียให้เลือก 3 แบบ รองรับข้อกำหนดเสียงที่แตกต่างกันตามสนามและประเทศ ขณะที่ระบบส่งกำลังของ 911 คัพ รุ่นใหม่ ได้รับการอัปเกรดครั้งสำคัญ ด้วยคลัตช์โลหะ 4 แผ่นที่แข็งแรงขึ้น ส่งกำลังไปยังเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมปรับรอบเครื่องขณะออกตัวจาก 6,500 รอบ/นาที ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟังก์ชั่น สตาร์ทเครื่องอัตโนมัติ เมื่อเหยียบคลัตช์หลังรถดับโดยไม่ตั้งใจ และระบบไฟเบรกกระพริบ (stroboscope) เพื่อเตือนรถด้านหลังช่วงออกตัว แทนไฟฉุกเฉินแบบเดิม
ระบบเบรกถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยใช้จานเบรกหน้าใหม่ขนาด 380 มม. หนาขึ้นจาก 32 เป็น 35 มม. ระบายความร้อนได้ดีขึ้น จากการย้ายหม้อน้ำหลัก ไปไว้ด้านหลัง ทำให้สามารถนำลมเย็นเข้าสู่ระบบเบรกจากด้านหน้าตัวรถโดยตรง พร้อมลดขนาด "Brake Disc Hat" เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับผ้าเบรก ส่งผลให้เบรกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทนทานยิ่งขึ้น รองรับการแข่งขันระยะไกลได้ดี
ระบบ ABS Bosch M5 สำหรับสนามแข่ง ติดตั้งมาให้จากโรงงานทุกรุ่น พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับอัตราเร่งรุ่นใหม่ ที่อ่านข้อมูลละเอียดขึ้น และสามารถแจ้งเตือนการรั่วในระบบเบรก ได้ทั้งสองวงจร ถังน้ำมันเบรกยังขยายขนาด เพื่อรองรับการแข่งระยะยาว สุดท้าย พวงมาลัยถูกปรับให้หมุนได้กว้างขึ้น ช่วยให้เลี้ยวในโค้งแคบและควบคุมรถในสถานการณ์โอเวอร์สเตียร์ได้ดีขึ้น
ห้องโดยสารถูกออกแบบให้ควบคุมง่ายขึ้น ทั้งในสนาม และขณะเข้าพิต ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นรุ่นใหม่ ปุ่มหมุนตรงกลางใช้ปรับระดับการทำงานของ ABS และระบบควบคุมการลื่นไถล (Traction Control) ขณะที่ปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกออกแบบใหม่ พร้อมไฟส่องสว่าง มองเห็นป้ายกำกับชัดเจน แผงควบคุมหลักข้างเบาะคนขับ ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เอื้อมถึงง่าย ลดจำนวนปุ่มจาก 10 เหลือ 8 ปุ่ม โดยเฉพาะปุ่มขวาล่าง ที่ใช้เรียกเมนูเสริมบนจอแสดงผล เพื่อปรับค่าต่าง ๆ ได้จากในรถ เช่น ความเร็วในเลนพิต, การตั้งค่าเสียงไอเสีย, และการรีเซ็ตองศาพวงมาลัย โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ช่วยให้ทีมช่างทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเสริม แผ่นโฟมภายในคานประตู เพื่อเพิ่มการปกป้องแขน ขา และเท้าของผู้ขับในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
911 คัพ ใหม่ ยังมาพร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อัปเกรดเต็มรูปแบบ เช่น ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) ที่แสดงทั้งแรงดันและอุณหภูมิลมยางแบบเรียลไทม์บนหน้าปัดกลาง พร้อมติดตั้ง เสาอากาศ GPS สำหรับระบบติดตามและบันทึกข้อมูลการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟีเจอร์จากรุ่นพี่ 911 GT3 R เช่น ระบบวัดเวลาผ่านเลนพิต และฟังก์ชัน “Pre-Kill” ที่สั่งปิดเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่งในช่วงเข้าพิต ช่วยลดความร้อนสะสมและประหยัดพลังงาน อีกจุดสำคัญคือ ระบบตรวจสอบระดับพลังงานของแบตเตอรี่ 9 โวลต์ สำหรับชุดปล่อยสารดับเพลิง ช่วยให้มั่นใจว่าระบบความปลอดภัย พร้อมใช้งานตลอดเวลา
ลิงก์สำหรับสอบถามข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับรถแข่งของ Porsche Motorsport
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี