นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุน เพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแถบเอเชียและกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี แม้มีรายได้รวม 689 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้นำเข้าสินค้าฝั่งสหรัฐฯมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราภาษีการค้าของสหรัฐฯในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้ปริมาณขนส่งสินค้าของกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) ชะลอตัวเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายน 2568 และการเดินเรือขนส่งที่ล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้การรับรู้รายได้จากการให้บริการบางส่วนถูกเลื่อนไปเป็นไตรมาส 3/2568

ในขณะที่ 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 1,496 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 1,509 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารต้นทุน ได้รับงานโปรเจกต์ การเจรจาปรับราคากับลูกค้าบางส่วน และปริมาณงานในกลุ่มธุรกิจ Air Freight ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 15% จาก 12% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และได้รับผลดีจากกลุ่มธุรกิจบริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ ที่มีรายได้จากคลังสินค้าใหม่ที่มีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับภาพรวมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศครึ่งปีหลัง 2568 โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย - สหรัฐฯ ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง หลังจากประเทศในอาเซียนได้ข้อสรุปอัตราภาษีกับสหรัฐฯ โดยประเมินว่าปริมาณการส่งออกสินค้าจากไทยน่าจะอยู่ในระดับปกติ เนื่องจากได้ข้อสรุปอัตราภาษีที่ 19% โดยบริษัทตั้งเป้ามีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลไม่ต่ำกว่า 50,000 ตู้ ในปี 2568 จากครึ่งปีแรก 2568 ที่มีปริมาณกว่า 23,000 ตู้ โดยล่าสุดได้เดินทางไปยังสหรัฐฯเพื่อพบกับผู้นำเข้าและเจรจาปริมาณการขนส่งสินค้า รวมถึงจะเร่งเพิ่มปริมาณขนส่งทางทะเลในมาเลเซียและเวียดนามจากอัตราเฉลี่ย 700 ตู้ต่อเดือน และ 250 ตู้ต่อเดือน ตามลำดับ เป็น 800 ตู้ต่อเดือน และ 300 ตู้ต่อเดือน ตามลำดับ