นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในจังหวัดสงขลาและจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เพื่อติดตามศักยภาพการผลิตและการส่งออกสินค้าสำคัญของภาคใต้ ทั้งการรับซื้อทุเรียนสดและการส่งออกทุเรียนแช่แข็ง ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการสร้างรายได้และการส่งออกของประเทศ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “พาณิชย์พึ่งได้” และ “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” สร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย
จุดแรก นายจตุพรได้นำคณะเยี่ยมชมบริษัท ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ ภายใต้แบรนด์ SEA KING, SEA CHAMPION, SEA FLOWER และ MERMAID ซึ่งตั้งแต่ปี 2566 ได้ขยายธุรกิจสู่การผลิตทุเรียนแช่แข็งเต็มรูปแบบ ผ่านบริษัทในเครือ “ฟู้ด ฟิวเจอร์ จำกัด” ในปี 2568 บริษัทฯรับซื้อทุเรียนกว่า 5,000 ตัน จากหลายจังหวัดทั่วประเทศ มีกำลังการผลิต 100 ตันต่อวัน และสามารถเก็บรักษาทุเรียนแช่แข็งได้ถึง 10,000 ตัน โดยตลาดจีนยังคงเป็นตลาดหลัก พร้อมเดินหน้าขยายสู่ตลาดใหม่ทั่วโลก ซึ่งนายจตุพรได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิต เริ่มจากจุดรวบรวมผลทุเรียนสด การแกะเนื้อทุเรียนโดยเน้นทุเรียนที่สุกจัด การแช่แข็ง การบรรจุลงกล่อง และเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -22 องศาเซลเซียส
จากนั้นคณะได้เดินทางไปยัง จ.ยะลา เยี่ยมชม “ล้งโกชาน” ซึ่งถือเป็นจุดรับซื้อทุเรียนใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีกำลังรับซื้อเฉลี่ยวันละ 180 ตัน หรือประมาณ 7,000 ตันต่อปี โดยทุเรียนจากเบตงขึ้นชื่อเรื่อง “ทุเรียนสะเด็ดน้ำ” ที่มีรสชาติหอมเป็นเอกลักษณ์ และได้รับความนิยมสูงในตลาดต่างประเทศ
โกชาน หรือคุณประเสริฐ คณานุรักษ์ เจ้าของล้ง เปิดเผยว่า ช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ล้งไม่ได้ทำหน้าที่เพียงผู้รับซื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาให้เกษตรกรเรื่องการตั้งราคาและช่วงเวลาการตัดผลผลิต เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและสร้างความมั่นใจให้ชาวสวนว่ามีตลาดรองรับอย่างต่อเนื่อง โดยเครือข่ายการส่งออกครอบคลุมทั้งจีน ออสเตรเลีย และยุโรป ผ่านผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย
นายจตุพรได้พบปะพูดคุยกับชาวสวนในพื้นที่ พร้อมรับฟังปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิต ทั้งค่าปุ๋ยและค่ายาฆ่าแมลง และยืนยันว่าจะนำ “สินค้าธงเขียว” ราคาถูกเข้ามาช่วยลดภาระต้นทุนให้เกษตรกร นอกจากนี้ ยังได้ประสานผู้ประกอบการให้ปรับราคารับซื้อทุเรียนในพื้นที่เบตงจาก 85 บาทเป็น 90 บาทต่อกิโลกรัมทันที โดยผู้รับซื้อได้ประกาศเปลี่ยนป้ายราคา ณ จุดรับซื้อ ต่อหน้าชาวสวนที่มาส่งทุเรียนในวันเดียวกัน
“ผมชื่นชมล้งโกชานที่ไม่ใช่แค่ผู้รับซื้อ แต่เป็นที่ปรึกษาและคู่คิดให้เกษตรกร การที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายตกลงปรับราคาร่วมกันต่อหน้าชาวสวน เป็นภาพที่สะท้อนความจริงใจและการช่วยเหลือกันแบบไทย ๆ วันนี้ผมและพี่น้องชาวสวนแฮปปี้ไปด้วยกันครับ” นายจตุพร กล่าว
รมว.พาณิชย์ย้ำว่ากระทรวงพร้อมเดินหน้าขยายตลาดใหม่ทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา ผ่านกิจกรรมเจรจาการค้า งานแสดงสินค้านานาชาติ และการทำตลาดเชิงรุก เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการค้าให้ผู้ประกอบการไทย เป้าหมายคือทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่า พาณิชย์พึ่งได้จริง
ข้อมูลการส่งออกทุเรียนของไทย (มกราคม- มิถุนายน 2568) ปริมาณการส่งออกทั้งหมด 673,668 ตัน มูลค่า 2,918.62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 70,802.02 ล้านบาท)หดตัว 2.67% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 สำหรับสัดส่วนการส่งออกสินค้า แบ่งเป็น ทุเรียนสด: 90.67% ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง: 9.01% ทุเรียนกวนและอบแห้ง: 0.31% โดยตลาดหลัก ได้แก่ 1.จีน (96.77%) 2.ฮ่องกง (0.83%) และ 3.มาเลเซีย (0.78%) ตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงได้แก่ มาเลเซีย (ทุเรียนสด +1,984%) สหรัฐอเมริกา (ทุเรียนแช่เย็น/แช่แข็ง +150%) และไต้หวัน (ทุเรียนแช่เย็น/แช่แข็ง +143%) เป็นต้น สำหรับประชาชนและผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เว็บไซต์ www.ditp.go.th หรือสายด่วน 1169
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี