นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบคมนาคมและโลจิสติกส์ของประเทศให้ก้าวทันยุคดิจิทัล โดยส่งเสริมให้หน่วยงานภายใต้สังกัดนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อยกระดับบริการภาครัฐให้ทันสมัย โปร่งใส ตอบโจทย์ประชาชนและภาคธุรกิจ สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็ว ความมีประสิทธิภาพ และการเชื่อมโยงข้อมูลอย่างไร้รอยต่อ ล่าสุด การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้นำระบบใบสั่งปล่อยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (NSW e-D/O) มาให้บริการนำร่องที่ท่าเรือกรุงเทพเป็นแห่งแรก

การนำระบบ NSW e-D/O มาใช้ จะช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงาน โดยลดเวลารอคอยจากเดิม 3 วันเหลือเพียง 1 วัน รวมทั้งลดการใช้กระดาษ และต้นทุนโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการให้บริการด้านโลจิสติกส์ของประเทศให้ทันสมัย ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค พร้อมวางรากฐานและผลักดัน กทท. สู่การเป็น Smart Port อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในด้านกระบวนการ เทคโนโลยี และการให้บริการที่เชื่อมโยงอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ

เรือโท ภูมิ แสงคำ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ กล่าวว่า กทท.ได้ดำเนินการพัฒนาระบบใบสั่งปล่อยสินค้า หรือ NSW e-D/O ให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ โดยร่วมกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ  (NT) และกรมศุลกากร เป็นการต่อยอดความมุ่งมั่นในการพัฒนาการบริการสู่ระบบดิจิทัล โดยการใช้แพลตฟอร์ม THAI NSW ของ NT ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาและผลักดันระบบฯ ให้มีกระบวนการด้านเอกสารการนำเข้าสินค้าทางเรือที่ทันสมัยทัดเทียมกับมาตรฐานระดับโลก สามารถเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการของท่าเรือได้อย่างไร้รอยต่อทั้งการจ่ายค่าภาระ ค่าบริการ กระบวนการปล่อยสินค้าแบบเรียลไทม์

การใช้ระบบ NSW e-D/O ยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาด้านดิจิทัลกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2566-2570 ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างเป็นรูปธรรม