นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรก 2568 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,521 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 84,543 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 571 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 19,144 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 42.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,428 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้ผลขาดทุนจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ไม่กระทบต่อกระแสเงินสด และความแข็งแกร่งของการดำเนินงานของบริษัท

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 บริษัทขยายการเติบโตภายใต้กลยุทธ์ Energy Symphonics โดยมุ่งบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพ หมุนเวียนเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์ศักยภาพสูง ควบคู่กับการปรับโครงสร้างการดำเนินงาน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ลดต้นทุนในธุรกิจเหมือง รวมถึงการบริหารโครงสร้างเงินทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว ซึ่งความคืบหน้าที่โดดเด่นเห็นได้จาก 3  ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและ CCUS ธุรกิจ Renewables+ และธุรกิจเหมืองยุคใหม่ ที่มองว่าเป็นภารกิจสำคัญที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท และเป็นกลไกสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืน

โดยกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ธุรกิจเหมือง มีปริมาณการผลิตและขายรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จากสภาวะราคาถ่านหินทั่วโลกอ่อนตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน จึงกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยรวม ,ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปริมาณการขายอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 2.92 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อล้านบีทียู เพิ่มขึ้นจาก 1.82 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อล้านบีทียู ,กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน โรงไฟฟ้าในทุกประเทศมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ ส่งผลให้สร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ,ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 969 เมกะวัตต์(MW) เพิ่มขึ้น 66 MW จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้กำลังผลิตรวมของกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานคงที่ 3,935 MWเทียบเท่า  

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 1,130 เมกะวัตต์ชั่วโมง(MWh) ตามสัดส่วนการลงทุน ที่ดำเนินการผ่านบ้านปู เน็กซ์ มีความคืบหน้าที่สำคัญในครึ่งปีแรก 2568 โดยในญี่ปุ่น โครงการ Iwate Tono เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เดือนมิถุนายน 2568 และในออสเตรเลีย มีการลงทุนในโครงการระบบกักเก็บพลังงานวูรีน คาดจะเปิดดำเนินการปี 2570

ธุรกิจจัดการพลังงาน เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์สู่ Net Zero ควบคู่กับความร่วมมือระดับนานาชาติผ่านเวทีนโยบายไทย-ญี่ปุ่น และการลงนาม MOU กับ Asuene ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการลดคาร์บอนในภาคธุรกิจ สำหรับธุรกิจการซื้อขายไฟฟ้าในญี่ปุ่น ครึ่งปีแรก 2568 จำหน่ายไฟฟ้า 3,525 กิกะวัตต์ชั่วโมง ให้บริการลูกค้า 1,956 ราย