จับกระแสพลังงาน : 2 กันยายน 2568

จับกระแสพลังงาน : 2 กันยายน 2568

วันอังคาร ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

** กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)  กระทรวงพลังงาน...ได้เปิดรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ ได้แก่ 1. “ร่าง พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่…) พ.ศ…” และ 2. “ร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (ฉบับที่…) พ.ศ…” เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา…และเตรียมจัดสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาและวิเคราะห์และแนวทางการปรับปรุงกฎหมาย “พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม”  และ  “พ.ร.บ. การพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน พ.ศ.2535” ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ-เอกชนและผู้ที่เกี่ยวข้องในวันที่ 29 ส.ค.-4 ก.ย.2568...สาเหตุที่ พพ.เตรียมจะจัดทำ “ร่าง พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่…) พ.ศ….” ฉบับใหม่นี้ เนื่องจาก พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้ใช้มาเป็นเวลานาน แต่โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงรูปแบบการใช้พลังงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก อีกทั้งกฎหมายเดิมยังไม่ครอบคลุมภาคส่วนสำคัญที่พึงต้องจัดให้มีการอนุรักษ์พลังงาน เช่น ภาคที่อยู่อาศัย เกษตรกรรม การขนส่ง และขาดความชัดเจนในกลไกการกำกับดูแลและมาตรฐานการอนุรักษ์พลังงาน ส่งผลให้การบังคับใช้ขาดความคล่องตัวและไม่ทันต่อสถานการณ์ ดังนั้นจึงสมควรปรับปรุงบทบัญญัติให้ครอบคลุมการส่งเสริมและกำกับดูแลการอนุรักษ์พลังงานในทุกภาคส่วน เพิ่มกลไกการตรวจสอบและการกำหนดมาตรฐานการออกแบบโรงงานและอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับหน่วยงานฝึกอบรมและผู้ตรวจประเมินพลังงานให้มี ความชัดเจน ปรับปรุงระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษและการบริหารกองทุนให้ทันสมัย รวมทั้งกำหนดบทบัญญัติว่าด้วยการผ่อนผันในกรณีจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัย ให้อำนาจอธิบดีในกรณีฉุกเฉินเพื่อรักษาความมั่นคง ด้านพลังงาน และปรับปรุงบทกำหนดโทษให้สอดคล้องกับโครงสร้างการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เช่น การปรับเป็น พินัย เป็นต้น เพื่อให้การอนุรักษ์พลังงานมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้ขึ้นมา…ส่วน “ร่าง พ.ร.บ. การพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (ฉบับที่…) พ.ศ…” ที่จะจัดทำขึ้นใหม่ เนื่องจาก พ.ร.บ.การพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน พ.ศ.2535 มีบทบัญญัติบางประการ ไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน และการมอบอำนาจให้เอกชนตรวจสอบรับรองระบบการผลิตพลังงานควบคุมแทนพนักงาน เจ้าหน้าที่เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ และประชาชนใช้พลังงานสะอาดเพื่อผลิตไฟฟ้า เพื่อลดค่าใช้จ่าย ตลอดจนการป้องกันและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.บ. ฉบับใหม่ขึ้นใช้แทน…

** บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF…ได้เปิดเผยแก่นักลงทุนในงาน Oppday Q2/2025 ของ GULF ว่าช่วงครึ่งหลังปี 2568 บริษัทฯจะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่ม 30 ลำเรือ ประมาณ 2 ล้านตัน จากครึ่งแรกปี 2568 นำเข้าแล้ว 32 ลำเรือ ประมาณ 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC GPD HKP และ SPP 19 โครงการ ในส่วนของลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจก๊าซอย่างต่อเนื่อง และทำให้บริษัทฯรับรู้รายได้จาก shipper fee เพิ่มขึ้น...ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ณ ปัจจุบัน ได้ดำเนินการถมทะเลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในไตรมาส 4 ปี 2568 คาดว่า จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1 ปี 2572 ซึ่งจะรองรับการนำเข้า LNG ได้อีก 8 ล้านตันต่อปี…ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปี 2568 คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก และผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 25% จากปี 2567 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตขึ้น 40%  โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าใหม่ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ภายในประเทศ ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 7 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit ของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation ในสหรัฐฯ ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่า Capacity Payment เฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 29 เหรียญสหรัฐฯต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ในช่วงเดือน มิ.ย. 2567 ถึง พ.ค. 2568 เป็น 270 เหรียญสหรัฐฯต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ในช่วงเดือน มิ.ย. 2568 ถึง พ.ค. 2569 และเพิ่มเป็น 329 เหรียญสหรัฐฯ ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในตลาด Pennsylvania-New Jersey-Maryland Interconnection (PJM) ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทรับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมีรายได้จากโครงการพลังงานลมต่างหากอีกจำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 437 เมกะวัตต์ จะเมื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4 จะมีประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น…


** ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 โดยจ่ายจากกำไรสะสมของกิจการ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯในอัตราหุ้นละ 0.10  บาท รวมเป็นเงินประมาณ 299.58 ล้านบาท…ทั้งนี้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 11 ก.ย.2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 23 ก.ย.2568 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะขึ้นเครื่องหมาย XD (Excluding Dividend) ในวันที่ 10 กันยายน 2568…**

**กระบองเพชร**

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top