นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการให้บริการโลจิสติกส์ไทย ณ สถานประกอบการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะทุกด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาผู้ประกอบการให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และบริบทท้าทายรอบด้านที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมให้ความช่วยเหลือตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง นำความเห็นไปประสานความร่วมมือสถาบันการเงินจัดหาแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และปรับปรุงหลักสูตรการอบรมต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีระบบการบริหารจัดการเทียบเท่าสากล โดยเฉพาะการนำระบบ AI และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ตลอดเดือนกันยายน 2568 นี้ จะลงพื้นที่พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังข้อเสนอแนะผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมสนับสนุนของกรมฯ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อนำข้อเสนอแนะที่ได้รับมาดำเนินการตามความต้องการและให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ‘พาณิชย์พึ่งได้’ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้หน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการแขนงต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลเชิงบวกต่อภาพรวมของประเทศ
อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า วันนี้ (วันที่ 1 กันยายน 2568) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ บริษัท ดับบลิวซี.ภาคิน จำกัด อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะด้านต่างๆ รวมทั้ง ประเด็นปัญหาที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่และต้องการให้ภาครัฐให้ความช่วยเหลือ กับ นางสาวรุ้งจิรา วงศ์ใจ กรรมการผู้จัดการ และคณะผู้บริหารของบริษัทฯ
จากการพูดคุย พบว่า ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์กำลังเผชิญท้าทายหลากหลายด้าน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค ยิ่งในปัจจุบันที่เศรษฐกิจมีการผันผวนตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมากขึ้น โดยความท้าทายที่ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ต้องเผชิญและเร่งรับมือ ได้แก่ 1) ด้านบุคลากร/แรงงาน ที่ปัจจุบันยังขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญและมีความรู้ความเข้าใจด้านโลจิสติกส์โดยตรง และขาดการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะลงทุนด้านการพัฒนาคน การ Up Skill บุคลากรในองค์กร และสร้างระบบงานที่เป็นมาตรฐาน รองรับการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น
2) ด้านระบบการจัดการข้อมูล ด้วยปัจจุบันผู้ประกอบการบางแห่งยังมีการทำงานแบบ Manual ทำให้มีความเสี่ยงด้านความถูกต้องของข้อมูล เช่น การติดต่อประสานงาน ความล่าช้า และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการด้านนี้ โดยต้องการนำระบบ TMS (Transportation Management System) ซึ่งเป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการกระบวนการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่การวางแผนเส้นทาง จัดตารางเวลา ติดตามสถานะการจัดส่งแบบเรียลไทม์ จัดการเอกสาร ไปจนถึงการคำนวณต้นทุนและชำระเงิน โดยมีเป้าหมายหลักคือการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์มาใช้ รวมถึงการนำมาตรฐาน ISO มาสร้างระบบและฐานข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็วต่อการใช้งาน และสามารถตรวจสอบกลับได้ ทั้งในมุมของการวิเคราะห์ และวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ
3) ความผันผวนด้านต้นทุนการขนส่ง ที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นพลังงานขับเคลื่อนเป็นหลัก ซึ่งมีความไม่เสถียร และไม่แน่นอน ผู้ประกอบการจึงต้องปรับกลยุทธ์ด้านการบริหารต้นทุน และสร้างมาตรฐานการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น วางแผนเส้นทาง ปรับกระบวนการการขนส่ง การติดตามผลงาน KPI ด้านการขนส่งเพื่อให้คุ้มค่าต่อการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้ลงทุน
3 ข้อที่กล่าวมา เป็นความท้าทายหลักที่ผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ต้องเผชิญ จึงต้องการรับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อลดทอนปัญหาที่เกิดขึ้น ได้แก่ สนับสนุนหลักสูตรอบรมพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ที่มีความทันสมัย เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในแวดวงธุรกิจ มีระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่เทียบเท่าสากล และกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้บุคลากรในองค์กรมีความรู้เฉพาะทางและส่งเสริมให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
อีกประการหนึ่ง คือต้องใช้เงินทุนในการปรับปรุงพัฒนาระบบการบริหารจัดการและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมระบบทำงานให้มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนในภาพรวม พัฒนาระบบการให้บริการที่มีความคล่องตัวและทันสมัย รวมถึง ช่วยเสริมสภาพคล่องและเป็นทุนหมุนเวียนในสถานประกอบการ จึงต้องการให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนหาแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินต่อได้อย่างมั่นคง
กรมฯ ยินดีรับฟังความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะด้านต่างๆ จากผู้ประกอบการ และพร้อมนำคำร้องขอมาจัดทำแผนให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม เบื้องต้น กรมฯ จะประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินในการพิจารณาให้สินเชื่ออัตราพิเศษแก่สถานประกอบการ พร้อมทั้งจับมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องและสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนวิชาโลจิสติกส์มาช่วยปรับปรุงหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาองค์ความรู้ผู้ประกอบการให้บริการโลจิสติกส์ของไทยให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ด้วยความมั่นใจ โดยเฉพาะการนำระบบ AI และเทคโนโลยีที่สมัยใหม่มาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ รวมทั้ง ปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจโลจิสติกส์อยู่รอดบนเส้นทางธุรกิจ และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้มีการเติบโตระยะยาว” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย
บริษัท ดับบลิวซี.ภาคิน จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งตั้งแต่ปี 2562 เป็นธุรกิจขนาดกลางที่ให้บริการด้านการขนส่งและกระจายสินค้าด้วยรถขนส่งตู้เย็นและตู้ทึบขนาด 4 ล้อ 6 ล้อ และ 10 ล้อ ให้บริการจัดส่งสินค้าทั่วราชอาณาจักรทั้งแบบ Home Delivery ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล แบบเหมาวัน เหมาเที่ยว เหมารายเดือน หรือแบบงานโครงการ ปัจจุบันมีกำลังการขนส่งมากกว่า 230 คัน สามารถติดตามการเดินรถได้แบบ Real-Time ด้วยระบบติดตามการเดินรถ GPS ตลอดจนรายงานการควบคุมอุณหภูมิ
นอกจากนี้ ยังเคยเข้ารับการพัฒนาธุรกิจกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าใน *หลักสูตรยกระดับความเชื่อมั่นธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วยมาตรฐานสากล ปี 2566 และ *หลักสูตรเพิ่มศักยภาพโลจิสติกส์ไทยด้วย Data Analytics โดยการใช้ MS Power ปี 2566
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568) มีนิติบุคคลให้บริการโลจิสติกส์จำนวน 36,868 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 503,431.17 ล้านบาท ในปี 2567 สามารถสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 1,438,832 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5.84% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 (1,650,919 ล้านบาท) ขณะที่ในจังหวัดปทุมธานีมีนิติบุคคลให้บริการโลจิสติกส์ จำนวน 1,820 ราย ทุนจดทะเบียน 14,374 ล้านบาท โดยจำนวนธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ในจังหวัดปทุมธานี คิดเป็น 2.8% จากจำนวนธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ทั่วประเทศ
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี