เอกสารลับหลุดว่อนโซเชียล สั่นคลอนวงการคริปโตไทย ชี้ Exchange ดังถูกแฮคกว่าพันล้านบาท

เกิดคำถามถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย หลังมีเอกสารภายในของบริษัท Exchange ชื่อดังหลุดออกมาในโลกออนไลน์ โดยระบุถึงการแฮคที่อาจเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ล่าสุดทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่ากำลังเร่งตรวจสอบเรื่องนี้

วันนี้ (9 ก.ย.68) จากกรณีที่มีเอกสารภายในซึ่งถูกอ้างว่าเป็นของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) รายหนึ่งในประเทศไทย ได้ถูกเผยแพร่ในวงกว้างบนโซเชียลมีเดียเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างมากในหมู่ผู้ลงทุนและสาธารณชน

เอกสารดังกล่าวมีการระบุถึงการถอนเหรียญดิจิทัลออกไปหลายรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเหรียญ JFIN ที่มีให้บริการในแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่บางแห่งของไทย ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุการณ์ที่อ้างถึงนี้อาจเกี่ยวข้องกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ และสื่อบางสำนักได้ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไว้ที่มากกว่า 1,700 ล้านบาท

ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสาร หากมีความน่าเชื่อถือ ย่อมนำไปสู่คำถามสำคัญว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการรายงานต่อ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมีข้อความในเอกสารที่สื่อถึงการแก้ไขรายงานบางส่วน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ยังได้นำไปสู่คำถามที่สำคัญยิ่งขึ้นเกี่ยวกับ ธรรมาภิบาล และ ความโปร่งใส ของผู้ให้บริการ เนื่องจากตามกฎหมายแล้ว หากเกิดเหตุการณ์ที่สินทรัพย์ดิจิทัลสูญหาย ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ต้องรายงานต่อสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์นี้จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการถูกแฮกเท่านั้น แต่ยังเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงถึงความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมในภาพรวมด้วย ในขณะที่สังคมออนไลน์กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด ประชาชนและนักลงทุนต่างคาดหวังว่า ก.ล.ต. จะสามารถดำเนินการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและนำผลสรุปที่ชัดเจนมาสู่สาธารณะ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นในตลาด และป้องกันไม่ให้เรื่องที่อาจเป็นประเด็นสำคัญนี้ต้องเงียบหายไปในที่สุด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา ทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า ตามที่มีข้อมูลปรากฏในสื่อโซเชียลกรณีศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งหนึ่งถูกโจมตีทางไซเบอร์นั้น ก.ล.ต. อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและประสานกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ ก.ล.ต. รับทราบโดยเร็ว

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้กำชับให้ผู้ประกอบธุรกิจฯ ให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามของผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งสื่อสารข้อเท็จจริงให้ลูกค้ารับทราบด้วย ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอให้ผู้ลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าได้จากเว็บไซต์และเฟซบุ๊กทางการของ ก.ล.ต. รวมถึงช่องทางการสื่อสารของผู้ประกอบธุรกิจฯ