ตลาดทองคำร้อนแรง YLGชี้มีลุ้น56,000-57,000บาท

ตลาดทองคำร้อนแรง YLGชี้มีลุ้น56,000-57,000บาท

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ทอง YLG

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) กล่าวว่า วายแอลจีชี้ทองคำยังเป็นขาขึ้นชัดเจน แม้ล่าสุดทำ All Time High ทะลุ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ไปแล้ว แต่ยังมีโอกาสขึ้นหาเป้าหมายระดับบนที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองแท่งในประเทศมีลุ้นได้เห็นราคาไปถึง 56,000-57,000 บาทต่อบาททองคำ

จากความต้องการทองของคนไทยล่าสุดปี 2567 ติดท็อป 10 ของโลก และท็อป 4 ของเอเชีย คาดปี 2568 ความต้องการพุ่งกว่าเดิมหลังพบครึ่งปีแรก ดีมานด์ทองคำเพื่อบริโภคแตะ20.7 ตัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% จากการสำรวจล่าสุดพบว่านักลงทุนไทย 100% มีจำนวน 97% ที่ลงทุนในทองคำ ในกลุ่มนี้มี 20% ที่เข้ามาลงทุนทองคำโดยที่ไม่เคยซื้อทองคำมาก่อน และมี 77% ที่ลงทุนทองคำโดยที่เคยซื้อทองคำมาแล้ว ขณะเดียวกันมีเพียง 3% ที่ไม่คิดลงทุนและซื้อทองคำ โดยให้เหตุผลว่าความรู้และความสามารถในการซื้อมีจำกัด


รวมถึงไม่ทราบถึงทางเลือกการลงทุนทองคำที่จับต้องได้และราคาไม่แพง รวมถึงนักลงทุนทองคำเกือบครึ่งหนึ่งกังวลเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ทองคำ เช่น สินค้าปลอม และกังวลเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ที่ไม่มีการรับประกันความปลอดภัย รวมถึงกังวลด้านการเก็บรักษาทองคำให้ปลอดภัย วายแอลจีเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมผู้ค้าทองคำ ร่วมผลักดัน องค์กรกํากับดูแลการดําเนินงานกิจการค้าทองออนไลน์ในประเทศไทย (SRO) ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลตนเอง รับรองการคุ้มครองผู้บริโภคและความเชื่อมั่นในระยะยาวด้วยหลักสากล

นางสาว อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป หรือ GCAP GOLD กล่าวว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องหลังจากทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญมาจากรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้ ซึ่งความคาดหวังดังกล่าวจะดึงดูดกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่ทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ได้เปรียบในช่วงดอกเบี้ยขาลง

 ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตา โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ เรื่องการโจมตีและแรงกดดันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อเฟด ทำให้ตลาดกังวลถึงเสถียรภาพและความเป็นอิสระของธนาคารกลางมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนจับตาคำตัดสินสำคัญเกี่ยวกับการถอดถอนผู้ว่าการเฟด ลิซา คุก โดยหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจะยิ่งเป็นการตอกย้ำแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้ประเมินว่า หากเฟดสูญเสียความเป็นอิสระ ราคาทองคำอาจพุ่งแตะเกือบ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อีกทั้งตลาดทองคำได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำลดลง และเมื่อบวกเข้ากับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และการค้าโลกที่ยังไม่คลี่คลาย ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ภาพรวมทองคำยังเป็นบวก โดยเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจทั้งในระยะกลางถึงระยะยาว

 หัวหน้านักวิเคราะห์ GCAP GOLD กล่าวว่าบริษัทฯ แนะนำกลยุทธ์ รอย่อตัวเข้าซื้อที่ $3,555 / $3,525 เนื่องจากภาพรวมทองคำยังเป็นบวก โดยตลาดจับตาท่าทีดอกเบี้ยเฟด รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อที่จะประกาศเพิ่มเติม หากท่าทีดอกเบี้ยเฟดยังคงส่งสัญญาณไปในทิศทางผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ทำให้คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสขึ้นทดสอบโซนต้าน $3,630–$3,650 (ราคาทองคำไทยประมาณ 54,800 / 55,000 บาท) หากยังเบรกโซนนี้ขึ้นไปได้ จะเป็นการเปิดทางสู่ $3,700 ต่อไป (ราคาทองคำไทยประมาณ 55,500 บาท) ดังนั้นนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะและรอเล่นสั้น อาจพิจารณาการย่อตัวในช่วง 1-2 วันแรกของสัปดาห์ หากราคาทองคำย่อตัวลงแต่ไม่หลุดแนวรับระยะสั้น $3,555 / $3,525 ให้ทยอยเข้าซื้อเก็บเพื่อเล่นรอบ (ราคาทองคำไทยอาจอยู่ประมาณ 53,850 / 53,600 บาท)

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top