'แสวง'เผยกำหนดวันทำประชามติแก้รธน.เป็นหน้าที่นายกฯ ส่วน กกต.พร้อมจัดทำประชามติ

'แสวง'เผยกำหนดวันทำประชามติแก้รธน.เป็นหน้าที่นายกฯ ส่วน กกต.พร้อมจัดทำประชามติ

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568, 17.51 น.

"แสวง"เผยกำหนดวันทำประชามติแก้รธน.เป็นหน้าที่นายกฯ ส่วน กกต.พร้อมจัดทำประชามติ พร้อมเลือกตั้ง สส.พร้อมกัน ระบุไม่ยาก แค่เพิ่มบัตร-ใช้คูหาเดิม เจ้าหน้าที่คนเดิม เพิ่มความแม่นยำในการขาดคะแนน ระบุจับตาเข้มหวั่นผู้สมัคร สส.ฉวยโอกาสใช้การแก้รัฐธรรมนูญหาเสียงแฝง

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (เลขาธิการ กกต.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดทำประชามติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่าให้จัดทำประชามติจำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สามารถจัดทำรวมกันได้ว่า การจัดทำประชามติคงไม่แตกต่างจากการจัดการเลือกตั้ง สส.สามารถจัดทำไปพร้อมกันได้ แต่ต้องรอให้มีกฎหมายให้มีผลบังคับใช้อีก 1 ฉบับก่อน ขณะเดียวกันตอนนี้ทาง กกต.ได้ร่างระเบียบอีกฉบับหนึ่งไว้รองรับแล้ว คือการกำหนดให้สามารถจัดทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า กกต.มีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นการประชามติแยก หรือการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.


เมื่อถามว่า การจัดทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.จะทำให้ค่าใช้จ่าย และบุคลากรเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน นายแสวง กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายไม่น่าจะมีจำนวนมาก แต่จะเพิ่มเฉพาะกิจกรรม แต่บุคคลากร หรือกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) และหน่วยเลือกตั้งเป็นหน่วยเดียวกัน โดยการเลือกตั้ง สส.ก็คือการออกเสียงประชามติ ซึ่ง กกต.ทราบอยู่แล้วว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ส่วนการประชามติก็จะมีเวทีให้แสดงความคิดเห็นของฝ่ายที่เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยในประเด็นที่มีการออกเสียงประชามติ หรือทำเอกสารแจกเรื่องประชามติ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเข้ามาแต่คิดว่าไม่น่าจะมาก ส่วนถ้าจัดแยกกันค่าใช้จ่ายในการจัดทำประชามติก็จะพอๆ กับการจัดการเลือกตั้ง สส.เพราะต้องให้คน 55 ล้านคน ที่มีสิทธิ์ออกมาใช้สิทธิ์ถึง 2 ครั้ง แต่หากจัดรวมก็ออกมาใช้สิทธิ์เพียงครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มเฉพาะกิจกรรมที่มีความแตกต่างกันแค่นั้นเอง

นายแสวง กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องบัตรที่ใช้ในการออกเสียงและบัตรที่ใช้ในการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.มีความคุ้นเคยกับการเลือกตั้ง 2 แบบอยู่แล้ว คือการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก็ใช้บัตร 2 ใบเหมือนกัน ดังนั้น ตรงนี้เราก็แค่เพิ่มบัตรสำหรับการทำประชามติขึ้นมา 1 ใบ แล้วบริหารจัดการนับให้มีประสิทธิภาพ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจะจัดการประชามติครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่ 2 รวมกันหรือไม่นั้นอยู่ที่ ครม.เป็นผู้พิจารณา กกต.มีหน้าที่จัดการออกเสียงให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายแสวง กล่าวต่อว่า สำหรับวันออกเสียงประชามติจะจัดขึ้นเมื่อไหร่นั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้กำหนดโดยต้องมาหารือกับทาง กกต.ตามมาตรา 9 ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่ฝ่ายการเมืองให้สัญญาประชาคมไว้ก็มีแค่นี้เอง ส่วนรูปแบบบริหารจัดการจะยึดเอาความสะดวกของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งสำนักงาน กกต.คิดกันเอาไว้ก็คือใช้หน่วยเลือกตั้งเดียวกัน คูหาเดียวกัน เพราะเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนเดียวกัน แค่ใช้บัตรคนละใบเพื่อป้องกันความสับสนในการขานคะแนน เพราะในการเลือกตั้งท้องถิ่น การเลือกนายกและสมาชิกอบจ หรือเทศบาลก็แยกคนละบัตรอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะใช้เวลามาก ส่วนปัญหาการดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้งของเจ้าหน้าที่ในครั้งที่ผ่านๆ มายืนยันว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก จะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเป็นอย่างดี

เมื่อถามว่า เท่าที่มีการติดตามได้วางไทม์ไลน์ ไว้แล้วหรือยังว่า หลัง 4 เดือน การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายแสวง กล่าวว่า เราต้องดูว่าทาง ครม.จะมีการนับหนึ่งเมื่อไหร่ แล้วเป็นไปเช่นนั้นหรือไม่ ส่วน กกต.ต้องตื่นตัวทุกวันอยู่แล้วและเรามีตารางไว้อยู่แล้ว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นเช่นสมมุติมีการยุบสภาเราก็เอาตารางของเราไปเทียบ ซึ่งการเลือกตั้ง ก็มีกิจกรรมที่ต้องดำเนินการตามกำหนดเวลาอยู่แล้ว ซึ่ง กกต.จะต้องนำตารางการจัดการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติมาเทียบกัน แล้วจะทำเป็นตารางเวลา เพราะการทำประชามติก็ต้องมีเวลาให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นรูปแบบของการทำงานตามกฎหมาย อยู่แล้วเหมือน สส.ลาออกเราจะรู้ทันที

เมื่อถามว่า เราต้องให้ความรู้เรื่องประชามติมากกว่าการเลือกตั้งหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องเลือกตั้งก็มีกรอบเวลา ส่วนประชามติก็มีกรอบเวลาเหมือนกัน แต่ทั้งนี้การเลือกตั้งกับการไปลงประชามติเราต้องคุมกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ ในเวลานั้น และต้องระมัดระวัง ต้องซักซ้อมทำความเข้าใจในช่วงนั้น

เมื่อถามย้ำว่า กกต.มั่นใจว่าจะสร้างความเข้าใจในการทำประชามติในเวลาอันสั้นนี้ได้ นายแสวง กล่าวว่า เราแค่อธิบายในขั้นตอน ส่วนจะออกมาดีหรือไม่อยู่ที่เจ้าของเรื่องคือรัฐบาล เมื่อถามอีกว่า มีฝ่ายที่เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญ และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยแล้วมันมีการครอบด้วยการเลือกตั้งในการออกไปหาเสียง นายแสวง กล่าวว่า มันมีวิธีการดูอยู่แล้ว และเราก็ดูได้ง่าย แต่คนปฏิบัติต้องแยกให้ออก เพราะผลร้ายมันจะเกิดกับผู้ปฏิบัติ ดังนั้นเราต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเขาด้วย

เมื่อถามว่า หากกระบวนการในการทำประชามติแล้วเกิดการยุบสภา กกต.ก็ยังคงเดินหน้าไปต่อใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ประชามติไม่ได้หยุด เพราะเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประชามติ อย่างทั้งคนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ กับกลุ่มคนเลือกตั้งเป็นกลุ่มคนใกล้ๆ ก็จะทำให้เกิดการข้ามไปข้ามมา เหมือนที่ว่าประเด็นประชามติสามารถหาเสียงได้ด้วย

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top