พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. เปิดเผยว่า กพท.เตรียมลงพื้นที่ทดลอง หรือ แซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) สำหรับแผนการดำเนินงานการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล (Sea pland) หรือ ซีเพลน โดยจะนำร่องทดลองในพื้นที่จังหวัดตรังในเดือนธันวาคม 2568 นี้ เพื่อสนับสุนนนโยบายการยกระดับศักยภาพด้านการบินของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ในการส่งเสริมการทำการบินส่วนบุคคล (Private Jet) โดยเร่งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานและอำนวยความสะดวกในการทำการบินประเภท Private jet เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายจ่ายสูง (Luxury Tourism)

“เราเตรียมทุกอย่างแล้ว มีผู้ประกอบการให้ความสนใจและตอบรับเป็นอย่างดี เราเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งการทำ Sea pland เป็นอุตสาหกรรมแนวใหม่ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นที่เกาะกระดาน ขณะนี้เรามีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) 2 ราย 1.ไทยซีแพลน และ 2.สยามซีแพลน ซึ่งเป็นผู้ได้รับไลเซ่นส์ การอนุญาตให้ทำการบินอากาศยานทางทะเลตามมาตรฐานสนามบินน้ำ หรือที่ขึ้น-ลงชั่วคราวทางน้ำ”พล.อ.อ.มนัท กล่าว

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ กพท.ได้รับการยกระดับจาก องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration : FAA) ทำให้ต่างชาติสนใจมาลงทุนในประเทศไทย ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา และประเทศแถบอาหรับ ที่สนในเข้ามาลงทุนในด้านฮาร์ดแวรต์ และซอฟต์แวร์

ในขณะเดียวกัน กพท.ได้หารือร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) เพื่อทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และพร้อมที่จะเริ่มดำเนินงานแผนแม่บทได้ในเดือนตุลาคม 2568 นี้ เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) นอกจากจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ และรันเวย์เส้นที่ 4 แล้ว จะทำการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) ในพื้นที่ด้วย ซึ่งโครงการระยะแรกจะอยู่บริเวณพื้นที่ด้านทิศเหนือของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย MRO ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะเป็นการซ่อมบำรุงในรูปแบบการตรวจเช็ค และการซ่อมบำรุงตามวงรอบ (MR) เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด จึงจะไม่ทับซ้อนกับ MRO ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่รูปแบบของการซ่อมบำรุงใหญ่ (Overhaul) คาดว่าจะสามารถเริ่มได้ต้นภายในปี 2568 นี้

“ในพื้นที่แปลงศรีวารีน้อย จำนวน 723 ไร่ ของสนามบินสุวรรณภูมิ จะมีการพัฒนาพื้นที่คลังสินค้า และ เขตปลอดอากร ((Free Zone) ซึ่งส่วนของฟรีโซน ทางแอร์บัสและโบอิ้ง ได้ตอบรับที่จะเข้าร่วมในโครงการ โดยจะเป็นการนำอะไหล่เครื่องบินเข้ามาสต๊อกในเขตฟรีโซนนี้ เมื่อต้องการใช้ก็จะสามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดระยะเวลารออะไหล่และซ่อมแซมเครื่องบินได้ ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้สายการบินทั่วโลกที่มาแวะพักและซ่อมบำรุง”พล.อ.อ.มนัท กล่าว

นอกจากนี้ กพท.เตรียมจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบิน (Training Center) ทั้งนักบิน ลูกเรือ ช่างซ่อมอากาศยาน และเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรมการบินที่มีแนวโน้มขยายตัว และการส่งเสริมการบิน Private Jet จะอยู่บนพื้นที่ด้านทิศตะวันตกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ