นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หลังหลายพื้นที่ประสบอุทกภัยและวาตภัยรุนแรง รวมถึงความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
โดยมาตรการครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกสถานการณ์ เราเข้าใจดีว่าภัยพิบัติไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน แต่ยังกระทบโดยตรงต่อรายได้ การดำเนินธุรกิจ การให้โอกาสในการพักชำระหนี้และผ่อนคลายภาระการเงินจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถฟื้นฟูธุรกิจและก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง
สำหรับมาตรการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดภาระการชำระหนี้และเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ โดยกำหนดให้ลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนฯ ที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ สามารถยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการฯ ได้ภายใน 90 วัน นับจากวันที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ประกาศพื้นที่ประสบภัย หรือในกรณีฉุกเฉินภายใต้การประกาศกฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาเพียงพอในการจัดเตรียมเอกสารและเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือ
นายณัฐพล กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือครอบคลุมถึงการพักชำระหนี้เงินต้นสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน โดยลูกหนี้จะชำระเฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน และเมื่อครบกำหนดการพักหนี้ เงินต้นที่ถูกเลื่อนการชำระจะถูกนำไปรวมไว้ที่งวดสุดท้ายตามสัญญากู้ยืม นอกจากนี้ ในกรณีที่มีงวดค้างชำระหรือดอกเบี้ยผิดนัด กองทุนฯ กำหนดให้มีการตั้งพักดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เกิดภาระทับถม และให้นำไปชำระในงวดสุดท้ายเช่นกัน มาตรการนี้ยังคำนึงถึงความเป็นธรรม โดยกำหนดชัดเจนว่าผู้เข้าร่วมจะต้องเป็นลูกหนี้ที่ยังไม่ถูกจัดชั้นเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และไม่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมผู้ประกอบการที่ยังมีศักยภาพในการฟื้นตัว แต่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้
โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนฯ และอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศภัยพิบัติ สามารถยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการฯ ได้ที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางอื่นที่ธนาคารกำหนด โดยจะต้องแสดงหลักฐานยืนยันความเสียหายหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้กระบวนการพิจารณามีความโปร่งใสและรวดเร็ว มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป และจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยบรรเทาผลกระทบของเอสเอ็มอีจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น
“การสนับสนุนเอสเอ็มอีในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเพียงการบรรเทาผลกระทบเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวและกลับมาเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” นายณัฐพล กล่าว
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี