ธ.ก.ส.ยกระดับสินค้าเกษตร ปั้นแบรนด์ทำเงินเสริมเศรษฐกิจฐานราก

ธ.ก.ส.ยกระดับสินค้าเกษตร ปั้นแบรนด์ทำเงินเสริมเศรษฐกิจฐานราก

วันจันทร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าธ.ก.ส. จัดทำ “โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่สินค้า Glam Agro” เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ การตลาด และนวัตกรรม ยกระดับเกษตรกรเป็น “ผู้ประกอบการยุคใหม่” ที่มีศักยภาพในการแข่งขัน สร้างงานและอาชีพในชุมชน พร้อมต่อยอดสินค้าชุมชนไปสู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูงที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

โดย ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ให้กับลูกค้า 3 ด้าน ได้แก่ 1. การสร้างมูลค่าเพิ่ม สนับสนุนให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนพัฒนาสินค้าเกษตรผ่านกระบวนการ Rebranding, Re-Packaging และการแปรรูปด้วยนวัตกรรม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ แตกต่าง และตรงตามความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ 2. การเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสร้างโอกาสทางการตลาดด้วยการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อต่อยอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งในและต่างประเทศ สร้างพันธมิตรทางการค้ากับเครือข่ายสถาบันเกษตรกร สหกรณ์ และภาคเอกชน และ 3. การเพิ่มขีดความสามารถและความเข้มแข็งชุมชน โดยส่งเสริมให้เกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้าเกษตรมูลค่าสูง สร้างงาน สร้างรายได้ และต่อยอดเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน


ปีบัญชี 2568 ธ.ก.ส. ได้ผลักดันให้เกิดแบรนด์สินค้า Glam Agro กว่า 12 แบรนด์ทั่วประเทศ ครอบคลุมหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ผลไม้แปรรูป สมุนไพร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว และสินค้าจากยางพารา โดยมีเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 800 ครัวเรือน สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรจากเดิมเฉลี่ย 2-3 เท่า นอกจากจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว โครงการดังกล่าวยังเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแรง และขับเคลื่อนไปสู่การเป็น “เกษตรพรีเมียม” ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงาน บริษัท สไมล์ รับเบอร์ จำกัด เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. หัวขบวน จังหวัดระยอง ภายใต้ "โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่สินค้า Glam Agro" ซึ่งเริ่มต้นจากการรวมตัวกันของเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ที่เล็งเห็นถึงปัญหาราคายางพาราผันผวนและกระทบต่อรายได้ ทำให้หันมาจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเนินสว่าง เพื่อรับซื้อผลผลิตยางพาราธรรมชาติจากเกษตรกรในพื้นที่มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้แบรนด์ Kaika (ไก่กา) อาทิ หมอนยางพารา ที่นอน และเบาะนั่งสมาธิ ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาด

โดย ธ.ก.ส. ได้ให้การสนับสนุน ทั้งเงินทุน การบริหารจัดการ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เสริมองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและการตลาด โดยเฉพาะการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และภาพลักษณ์สินค้าให้มีความสวยงาม ทันสมัย และมีมูลค่า เพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดระดับพรีเมียม รวมถึงการต่อยอดธุรกิจผ่านโครงการNew Gen Hug บ้านเกิด ด้วยการ Rebranding ไปสู่การเป็นผู้ประกอบการ SME เกษตรหัวขบวน ภายใต้แบรนด์ PARARAKSA (พารารักษา)

ปัจจุบันแบรนด์ PARARAKSA สร้างรายได้เดือนละกว่า 600,000 บาท และส่งจำหน่ายไปยัง 4 ประเทศในทวีปเอเชีย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top