ดัชนีราคาส่งออก - นำเข้า ส.ค. ขยายตัวต่อเนื่อง

ดัชนีราคาส่งออก - นำเข้า ส.ค. ขยายตัวต่อเนื่อง

วันจันทร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568, 08.43 น.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าของไทย เดือนสิงหาคม 2568เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามความต้องการสินค้าไทยในตลาดโลกที่ยังมีสัญญาณเป็นบวก และส่งผลให้การนำเข้าของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการผลิตสำหรับส่งออก รวมถึงการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายกีดกันทางการค้าและการแข็งค่าของเงินบาท อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางด้านราคาของไทยในระยะข้างหน้าโดยมีรายละเอียด ดังนี้

ดัชนีราคาส่งออก เดือนสิงหาคม 2568 เท่ากับ 111.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัว ร้อยละ 0.4 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตรแปรรูป ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูง ส่งผลให้หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.6 ได้แก่ ทองคำ เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการอุปกรณ์เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้งาน AI และ Big Data และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตามความต้องการใช้ในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรสูงขึ้นร้อยละ 1.1 ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง โดยเฉพาะทูน่ากระป๋อง ขยายตัวดีตามความต้องการของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง ตามจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะสุนัขและแมว และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตามความต้องการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ 9.3 โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากตลาดเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกิน และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลงร้อยละ 5.6 ได้แก่ ข้าว ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และยางพารา ตามภาวะอุปทานส่วนเกิน ขณะที่ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามราคาตลาดโลกที่อ่อนตัวลง รวมถึงเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาถูกกว่าอาทิ เวียดนาม และกัมพูชา


ดัชนีราคานำเข้า เดือนสิงหาคม 2568 เท่ากับ 115.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่ร้อยละ 2.7 ตามความต้องการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมภายในประเทศและส่งออก รวมถึงการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ดัชนีราคานำเข้ายังคงปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 7.5 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ หมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 5.2 ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ

เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ตามความต้องการใช้เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคการผลิต การลงทุน และการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 4.9 โดยเฉพาะทองคำ ราคายังทรงตัวในระดับสูง ตามความต้องการสำรองทองคำของธนาคารกลางหลายแห่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สำหรับปุ๋ย ตามราคาปุ๋ยตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น และอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกทำให้ความต้องการชิ้นส่วนและอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการผลิตเพิ่มขึ้น และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ 0.8 โดยเฉพาะส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่กลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการใช้เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่เพิ่มขึ้น

ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ 8.9 โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดทั่วโลก

สำหรับแนวโน้มดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าเดือนกันยายน ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีขยายตัว ได้แก่ 1) ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตร และอาหารแปรรูปในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 2) สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI และ Data Center รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก และ3) ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ 1) ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าหลัก 2) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค 3) ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายของหลายประเทศที่มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น ตลอดจนมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ 4) ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน และการแข่งขันทางด้านราคา และ 5) เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า

ซึ่งเป็นข้อจำกัดของภาคการส่งออกไทย

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top