นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาเบนซินลงด้วย 50 สตางค์ต่อลิตรด้วย ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการน้ำมันลดเหลือ 31.44 บาทต่อลิตร (จากเดิม 31.94 บาท/ลิตร) และกลุ่มเบนซินทุกชนิดลดลง 50 สตางค์ต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2568

นายอรรถพล กล่าวว่า ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้สามารถลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของกลุ่มน้ำมันดีเซลลงได้ ทั้งนี้ กบน.เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน

“ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีสถานะดีขึ้น จึงมีความเหมาะสมที่จะปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลลง พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันในการปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลงด้วยเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน สะท้อนความมุ่งมั่นของ กบน. ในการดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชนตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา พร้อมกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคาพลังงานในประเทศ”นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 28 กันยายน 2568 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ที่ 17,838 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 24,429 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 42,267 ล้านบาท ส่วนการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ จะทำให้รายรับน้ำมันดีเซลลดลงเหลือประมาณวันละ 30.96 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 61.06 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันเบนซินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ประมาณวันละ 93.80 ล้านบาทเท่าเดิม

อนึ่ง สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 156.90 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น 9.8% การใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 8.9% และกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 1.5% ขณะที่การใช้ LPG ลดลง 3.9% น้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 2.0% และ NGV ลดลง 15.8% ทั้งนี้การใช้ NGV มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV สะสมที่ลดลง และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,024,145 บาร์เรล/วัน ลดลง1.2% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 78,208 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 989,623 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 1.8% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 76,246 ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 34,522 บาร์เรล/วัน ลดลง 46.8% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 1,963 ล้านบาท/เดือน ขณะที่การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 139,225 บาร์เรล/วัน ลดลง 17.7% เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 11,626 ล้านบาท/เดือน