ครม.อนุมัติงบ44,000ล้านบาท
จัด‘คนละครึ่งพลัส’
ได้รับสิทธิ์20ล้านคน
วัยโจ๋อายุ16ได้เฮด้วย
เริ่ม29ต.ค.จนถึงสิ้นปี
ครม.อนุมัติงบ 44,000 ล้านบาท ทำโครงการ“คนละครึ่งพลัส” ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน เริ่มเปิดลงทะเบียนร้านค้า15 ตุลาคม ประชาชนลงทะเบียน 20 ตุลาคม เริ่มใช้ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ให้สิทธิ์คนละ 2,000 บาท คนจ่ายภาษีได้เพิ่ม 2,400 บาท ใช้จ่ายได้ 200 บาทต่อวันรมว.คลังระบุ โครงการคนละครึ่งพลัสกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะทำให้มีเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจรวมกันอย่างน้อย 1.1 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส โดยใช้เงินงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ จำนวนไม่เกิน 44,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงปลายปี 2568 มากขึ้น
สำหรับการดำเนินโครงการฯ กำหนดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยเปิดรับลงทะเบียนร้านค้าตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 จากนั้นจะเปิดรับลงทะเบียนประชาชนตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2568 (เวลา 06.00 - 22.00 น.) โดยประชาชนผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้สิทธิโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 - 23.00 น.)
ทั้งนี้ประชาชนสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วม โครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตั้ง” สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 - 21.00 น.)
นายเอกนิติ กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายโครงการคนละครึ่งพลัสครั้งนี้ แบ่งเป้น 2 กลุ่มคือ 1. เพิ่มสิทธิให้ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90) แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทเดียว (ภ.ง.ด. 91) หรือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567 ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 และ 2. ประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 กลุ่ม ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1) เป็นผู้มีสัญชาติไทย 2) มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน 3) มีบัตรประจำตัวประชาชน 4) ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูล ของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 และ 5) ไม่เป็นผู้ที่ถูก สศค. ระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืน ในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1-5
นายเอกนิติ กล่าวว่า การใช้จ่ายเงินในโครงการ ภาครัฐสนับสนุนเงินร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนด ให้แก่ประชาชน กลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน ในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน แต่ไม่เกินจำนวน วงเงินสิทธิที่กำหนด โดยประชาชนผู้ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 ภ.ง.ด. 91 หรือ ภ.ง.ด. 95 ในปีภาษี 2567 จะได้รับวงเงินสิทธิ ไม่เกิน 2,400 บาทต่อคน และประชาชนทั่วไปจะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาใช้จ่าย ของโครงการฯ
ทั้งนี้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถใช้สิทธิในโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ หรือซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านค้า ที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ โดยรับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะดำเนินการโอนเงินในส่วนที่ภาครัฐ ร่วมจ่ายให้แก่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
นายเอกนิติ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายการผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2.2% โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาสที่ 4 ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นด้านต่าง ๆ ออกมาทุกสัปดาห์ หลังจากมีการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมีโครงการคนละครึ่งพลัสออกมาแล้ว
ทั้งนี้รัฐบาลประเมินการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 จะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ภายหลังจากได้อนุมัติการเติมเงินลงไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละ 2,000 บาท โดยเพิ่มวงเงินลงไปในบัตรอีกคนละ 850 บาท รวม 2 เดือน คือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยจำนวน 13.4 ล้านคน ซึ่งใช้วงเงินงบประมาณรวม 22,780 ล้านบาท
เมื่อรวมกับโครงการคนละครึ่งพลัส ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน ซึ่งใช้งบประมาณอีก 44,000 ล้านบาทในส่วนของรัฐบาล และเมื่อรวมเงินของประชาชนที่จะเพิ่มเข้าไปอีกครึ่งคือ 44,000 ล้านบาท จะทำให้มีวงเงินในโครงการนี้รวมกัน 88,000 ล้านบาท และเมื่อรวมทั้งสองโครงการเข้าด้วยกันจะทำให้ในช่วงปลายปี 2568 มีเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจรวมกัน อย่างน้อย 1.1 แสนล้านบาท
“ในช่วงไตรมาสที่ 4 คิดว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่ติดหล่ม เพราะเงินจากโครงการคนละครึ่งพลัส และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีผลต่อ GDP ขั้นต่ำประมาณ 0.6% และจากนี้ไปรัฐบาลจะมีมาตรการอื่นตามมา โดยพยายามจะให้ออกทุกกสัปดาห์ตามมาตรการ Quick Big Win ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 น่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 1% จากมาตรการที่ออกมา” นายเอกนิติ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี